News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
คอกาแฟยังคึกคักในงาน“กาแฟพ่อหลวงสู่ความยั่งยืน Royal Coffee BCG to SDGs” หลังองคมนตรีเป็นประธานพิธีเปิดและปาฐกถาพิเศษ เผยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมปีละกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท
คอกาแฟยังคึกคักในงาน“กาแฟพ่อหลวงสู่ความยั่งยืน Royal Coffee BCG to SDGs” หลังองคมนตรีเป็นประธานพิธีเปิดและปาฐกถาพิเศษ เผยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมปีละกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท
เชียงใหม่ 12 มิ.ย.- คอกาแฟยังให้ความสนใจร่วมชมงาน "กาแฟพ่อหลวงสู่ความยั่งยืน Royal Coffee BCG to SDGs” ที่มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) กรมวิชาการเกษตร และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) จัดงานขึ้น ระหว่างวันที่ 11 – 15 มิถุนายน 2568 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์นายกกิตติมศักดิ์ พร้อมทั้งน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงวางรากฐานการปลูกกาแฟอะราบิกาบนพื้นที่สูง และสร้างรายได้ที่มั่นคงแก่เกษตรกร ซึ่งส่งผลให้เกิดการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความมั่นคงของชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมีพิธีเปิดเมื่อ 11 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมาโดยพลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี เลขาธิการและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "การสืบสาน รักษา ต่อยอด การพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน : กาแฟอะราบิกา พืชเศรษฐกิจทางเลือกของโครงการหลวง" ซึ่งกล่าวถึงความสำคัญของกาแฟอะราบิกาในฐานะพืชพระราชทานที่ช่วยสร้างรายได้มั่นคงแก่เกษตรกรบนพื้นที่สูง ควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ตามหลัก “ไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” พระราชดำริของพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มูลนิธิโครงการหลวงได้ส่งเสริมการปลูกกาแฟให้แก่เกษตรกร 5,852 ครัวเรือน ในพื้นที่ปลูกกว่า 56,121 ไร่ เกิดคุณูปการที่สามารถสร้างผลผลิตให้แก่เกษตรกร จำนวน 5,000 ตันต่อปี เกิดรายได้หมุนเวียนในชุมชน 200-250 ล้านบาทต่อปีและเมื่อขยายไปยังภาพรวมของประเทศ มีเกษตรกรปลูกกาแฟ 80,000 – 100,000 ครัวเรือน ผลผลิตรวม 16,623 ตันต่อปี สร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจ จำนวน 6,000 – 8,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมีการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟแปรรูปที่มีมูลค่ากว่า 34,000 ล้านบาท สร้างเครือข่ายธุรกิจร้านกาแฟ โรงคั่ว และวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการแปรรูปเป็นกาแฟเกรดพิเศษส่งออกสู่ต่างประเทศ
ในการพัฒนากาแฟภายใต้โครงการหลวงมีระบบบริหารจัดการแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ มีการปลูกกาแฟในระบบร่มเงาที่ช่วยอนุรักษ์ป่าไม้ สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ ป้องกันการพังทลายของหน้าดิน เพิ่มพื้นที่สีเขียวและลดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้สภาพปลูกมีความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวทาง BCG Economy Model ของประเทศ และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN-SDGs)
ทั้งนี้ภายในงานมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ นิทรรศการผลสัมฤทธิ์และการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมกาแฟอะราบิกา การสัมมนาวิชาการ เวทีเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างเครือข่ายการผลิต การตลาด และธุรกิจกาแฟระหว่างเกษตรกร ภาครัฐและเอกชน การประกวดเมล็ดกาแฟคุณภาพ รวมไปถึงการแข่งขันทักษะและความสามารถของบาริสต้า การจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์จากกาแฟ บูธแสดงสินค้าจากหน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชน มากกว่า 65 บูธ ในแต่ละวันได้รับความสนใจอย่างล้นหลามมีผู้เข้าร่วมวันละกว่า 1,000 คน จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงผู้เข้าร่วมจากต่างประเทศจำนวน 7 ประเทศ 1 หน่วยงาน ประกอบด้วย ราชอาณาจักรภูฏาน ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต และสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) รวมจำนวน 36 คน ผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ฟรีที่: https://shorturl.at/2rUiq
เขียนเมื่อ 12 มิถุนายน 2568 18:15:45 น. (view: 12187)