News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
สถานการณ์โควิด-19 เชียงใหม่ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้รักษาหายแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้รักษาหายแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เหลือผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 605 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ขณะที่ผู้เสียชีวิตรายใหม่ทั้ง 2 ราย พบมีประวัติเสี่ยงและมีโรคประจำตัว พร้อมเชิญชวนประชาชนลงทะเบียนรับวัคซีนโควิด-19 โดยจังหวัดเชียงใหม่มีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนทั้งหมด 1 ล้าน 6 แสนคน
วันนี้ (12 พ.ค. 64) ที่ ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้นายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และนายแพทย์วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ร่วมกันแถลงสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 ระลอกเดือนเมษายนจังหวัดเชียงใหม่
ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ เปิดเผยว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงเหลือเพียงจำนวน 10 ราย ซึ่งต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,944 ราย รักษาหายแล้ว 3,325 ราย คิดเป็นร้อยละ 84 ของผู้ป่วยทั้งหมด ยังคงมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 605 ราย คิดเป็นร้อยละ 16 ของผู้ป่วยทั้งหมด และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสมของจังหวัดเชียงใหม่จนถึงขณะนี้ 14 ราย ขณะที่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่นั้น แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 469 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 90 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 32 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 14 ราย ซึ่งลดลงเป็นจำนวนมาก
การตรวจกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัสเสี่ยงสูงวันนี้ ได้ทำการตรวจไปทั้งหมด 1,549 ราย พบผู้มีผลบวกเพียงร้อยละ 0.97 แต่เมื่อพิจารณาตามจุดตรวจต่าง ๆ ยังคงพบว่าจุดตรวจจากโรงพยาบาลอำเภอยังคงพบผู้ติดเชื้อสะสมเป็นจำนวนที่สูง รองลงมาเป็นโรงพยาบาลเอกชน และจุดตรวจเฉพาะกิจต่าง ๆ ตามลำดับ ส่วนความเสี่ยงของผู้ติดเชื้อ พบว่าเป็นการสัมผัสในครอบครัวสูง นอกจากนี้ยังพบว่าการสัมผัสในชุมชน และการนำเข้าจากต่างจังหวัด เริ่มกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ขณะที่การสัมผัสในสถานที่ทำงานลดลง และการสัมผัสในสถานบันเทิงไม่พบผู้ที่เสี่ยงมา 2-3 วันแล้ว
กรณี Fake News ที่ได้มีการเผยแพร่ว่าพบการติดเชื้อโควิด-19 ในตลาดเช้าพื้นที่อำเภอแม่ริม โดยมีผู้ขอรับการตรวจเป็นจำนวนมากแต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจให้ได้นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และยังไม่มีการพบผู้ติดเชื้อในสถานที่ดังกล่าวแต่อย่างใด
ส่วนการตรวจเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยงสูง ที่จะเป็นแหล่งแพร่ระบาดในจังหวัดเชียงใหม่ ได้ทำการตรวจแล้ว 36 แห่ง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในด้านการจัดสถานที่ และบุคลากรที่จะเข้ารับการตรวจ รวมถึงการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อเอื้อต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี จากการค้นหากว่า 6,400 ราย พบผู้ติดเชื้อเพียง 51 ราย ซึ่งถือว่าจังหวัดเชียงใหม่มีความปลอดภัยสูง สำหรับแผนการดำเนินงานต่อไปจะได้ทำการตรวจในกลุ่มพนักงานขับรถขนส่งสินค้า พนักงานขับรถส่งพืชผลทางการเกษตร พนักงานขับรถทัวร์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ยังคงพบผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์งานศพที่อมก๋อยอยู่ โดยในวันนี้พบผู้ติดเชื้อสัมผัสในชุมชนเพิ่มอีก 1 ราย คัดกรองกลุ่มเสี่ยงสูงแล้วกว่า 70 ราย พบผลเป็นลบทั้งหมด และทางทีมสอบสวนโรคของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จะได้มีการลงพื้นที่สนับสนุนการทำงานของทีมเจ้าหน้าที่อำเภออมก๋อยต่อไป และคลัสเตอร์ใหม่ 1 คลัสเตอร์ ที่พบเพิ่มในวันนี้ คือคลัสเตอร์โรงพยาบาลเซ็นทรัลเชียงใหม่เมมโมเรียล มีผู้ป่วยและผู้สัมผัสร่วมบ้าน 4 ราย บุคลากรทางการแพทย์และหน่วยงานสนับสนุน 8 ราย รวมทั้งหมด 12 ราย คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จึงขอแจ้งให้ประชาชน ผู้ป่วย และพนักงานที่เข้าใช้บริการโรงพยาบาลเซ็นทรัลเชียงใหม่เมมโมเรียล ระหว่างวันที่ 1-6 พฤษภาคม 2564 เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือศูนย์วัณโรคเขต 1 เดิม หน้าร้านสุริวงศ์บุ๊คเซนเตอร์ ทุกวันในเวลาราชการ
ด้านนายแพทย์วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ได้ชี้แจงรายละเอียดกรณีมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 2 รายว่า รายแรกเป็นชายไทย อายุ 64 ปี มีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน มีประวัติเดินทางไปในสถานที่เสี่ยง ติดเชื้อจากในชุมชน วันที่ 24 เมษายน มีอาการหายใจหอบเหนื่อย ตรวจพบเชื้อโควิด-19 และรับไว้รักษาที่โรงพยาบาลสนาม วันที่ 1 พฤษภาคม มีอาการเหนื่อยมากจึงถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลจอมทอง วันที่ 9 พฤษภาคม เกิดภาวะแทรกซ้อนลิ่มเลือดอุดตันขาซ้าย จึงส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ศัลยแพทย์ประเมินแล้วพบว่ากล้ามเนื้อขาซ้ายเน่าตายจากการอุดตันของเส้นเลือด และได้ทำการตัดขาซ้ายออกระดับเหนือเข่า แต่อาการยังไม่ดีขึ้น กระทั่งเสียชีวิตลงในวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา
รายที่ 2 เป็นชายไทยอายุ 66 ปี มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง ไวรัสตับอักเสบซี พบติดเชื้อจากคนในครอบครัว และได้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 25 เมษายน และถูกรับไว้รักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน วันที่ 27 เมษายน มีไข้ ไอ มีเสมหะเป็นเลือด หายใจลำบาก จึงถูกส่งตัวเข้ารักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ต่อมาวันที่ 8 พฤษภาคม เกิดภาวะแทรกซ้อน ไตวาย เกลือแร่ผิดปกติ และได้เสียชีวิตลงในวันที่ 10 พฤษภาคม
ในการนี้ นายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า เป็นข่าวดีกับชาวเชียงใหม่เนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบายจัดวัคซีนให้กับคนไทยทุกคน โดยจังหวัดเชียงใหม่มีเป้าหมายฉีดวัคซีนทั้งหมด 1 ล้าน 6 แสนคน แบ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขี้นไป และกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง จำนวน 559,304 คน และกลุ่มประชาชนทั่วไปอายุ 18-59 ปี จำนวน 953,562 คน จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนลงทะเบียนขอรับการฉีดวัคซีนได้ที่ระบบหมอพร้อม โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลทุกแห่งใกล้บ้าน หรือแจ้งไปยังอาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่ ซึ่งจะคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน โดยการฉีดวัคซีนจะเริ่มอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 มิถุนายน 2564 ซึ่งเร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม และในเบื้องต้นได้มีแผนการกระจายวัคซีน 3 แนวทาง ตามสัดส่วน 30 : 50 : 20 คือ การฉีดตามนัดของผู้ที่ลงทะเบียนไว้ในระบบหมอพร้อม ร้อยละ 30 การนัดฉีดจากสถานพยาบาลตามรายชื่อผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่ ร้อยละ 50 และการปูพรมฉีดตามจุดต่าง ๆ ในจังหวัด ร้อยละ 20 ซึ่งประชาชนสามารถเข้าไปรับการฉีดตามจุดที่กำหนดได้โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า
โดยในขณะนี้ จังหวัดเชียงใหม่มีสถานที่ฉีดวัคซีนทั้งหมด 41 แห่ง เป็นโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลประจำอำเภอ สนามกีฬาสมโภช 700 ปี และศูนย์การค้าที่ได้อนุเคราะห์ให้ใช้สถานที่ ทั้งนี้ได้มีภาคเอกชน องค์กรต่าง ๆ จำนวนมาก ประสานเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแจ้งความจำนงค์ขอรับการสนับสนุนฉีดวัคซีน ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่จะได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาการจัดสรรวัคซีนให้ในวันพรุ่งนี้ (13 พฤษภาคม 2564)
เขียนเมื่อ 12 พฤษภาคม 2564 19:02:40 น. (view: 10336)