News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
เชียงใหม่ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รักษาหายแล้ว 90%
จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตอีก 2 ราย เป็นผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว และมีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ยังคงต่ำกว่า 10 ราย และมีผู้ที่รักษาหายแล้วสูงถึง 90% พร้อมเชิญชวนประชาชนลงทะเบียนรับวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในพื้นที่ เตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนไว้แล้วจำนวน 46 แห่ง เพื่อรองรับการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนกว่า 1 ล้านคน
วันนี้ (20 พ.ค. 64) ที่ ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ นายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 ระลอกเดือนเมษายนจังหวัดเชียงใหม่ประจำวัน
ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ เปิดเผยว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จำนวน 8 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,033 ราย รักษาหายแล้ว 3,619 ราย คิดเป็นร้อยละ 90 ของผู้ป่วยทั้งหมด ยังคงมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 396 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย ซึ่งรายล่าสุดได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 02.45 น. ของวันนี้ (20 พ.ค. 64) โดยเป็นตัวเลขที่จะรายงานในวันพรุ่งนี้ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของจังหวัดเชียงใหม่จนถึงขณะนี้อยู่ที่ 19 ราย ขณะที่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่นั้น แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 300 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 70 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 18 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 8 ราย
สำหรับการตรวจกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัสเมื่อวานนี้ (19 พ.ค. 64) ได้ทำการตรวจหาเชื้อไปทั้งหมด 1,321 ราย พบผู้มีผลบวกเพียงร้อยละ 0.91 และเมื่อแยกตามหน่วยตรวจแล้ว พบว่าโรงพยาบาลเอกชนมีการตรวจพบผู้มีผลบวกสูงสุด ร้อยละ 8.13 ส่วนโรงพยาบาลของรัฐ พบผู้มีผลบวกรองลงมาร้อยละ 7.97 ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงหลักในระยะหลังพบว่าเป็นการสัมผัสในครอบครัวและในสถานที่ทำงาน ส่วนการคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยง เมื่อวานนี้ได้ตรวจในบริษัทขนส่งนิ่มซี่เส็งที่มีการเกิดคลัสเตอร์ ซึ่งเป็นการสุ่มตรวจครั้งที่ 2 พบผู้มีผลบวก 2 ราย ส่วนทีมคัดกรองของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่คัดกรองในสถานพินิจเด็กและเยาวชนอำเภอแม่ริม และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 7 จำนวน 496 คน ซึ่งทั้งหมดไม่พบเชื้อ
สำหรับคลัสเตอร์ต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ไม่มีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้น แต่ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน 2 คลัสเตอร์ คือคลัสเตอร์บริษัทขนส่ง พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย จากการตรวจเชิงรุก เป็นพนักงานขับรถส่งของกรุงเทพ-เชียงใหม่ และเป็นแม่ค้าขายอาหาร ส่วนอีกคลัสเตอร์คือคลัสเตอร์ข่วงเปา จอมทอง ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ติดเชื้อรายเดิมที่ไปร่วมงานศพที่ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทองและมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยังคงรักษามาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด และเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด โดยยอดการจองวัคซีนของชาวเชียงใหม่ขณะนี้อยู่ที่ 128,835 ราย ซึ่งได้ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อมและผ่านเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จึงขอเชิญชวนประชาชนลงทะเบียนรับวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในพื้นที่
ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้ชี้แจงกรณีมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 2 รายว่า รายแรกเป็นหญิงไทยอายุ 61 ปี มีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันโลหิต ไขมันสูงและไตวายเรื้อรัง มีปัจจัยเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วยในงานที่มีผู้ร่วมงานจำนวนมาก วันที่ 9 พฤษภาคม มีอาการหายใจเหนื่อย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอมก๋อย แพทย์โรงพยาบาลอมก๋อยได้ใส่ท่อช่วยหายใจ จากนั้นถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลจอมทอง ตรวจหาเชื้อโควิด-19 พบผลเป็นบวก จึงส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และจากภาพถ่ายทางรังสีพบว่ามีปอดอักเสบทั้งสองข้าง มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำมากเพียง 60% แพทย์จึงให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสชนิดฉีด ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและยาระงับการอักเสบของปอดในทันที วันที่ 14 พฤษภาคม ผู้ป่วยมีอาการทรุดลงไม่สามารถประคับประคองการหายใจได้ ทำให้หัวใจไม่สามารถทำงานได้ปกติ นอกจากนี้ยังพบว่ามีภาวะสมองบวมอย่างรุนแรงจากการขาดอากาศ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองได้ตรวจสอบการทำงานของสมองพบว่าผู้ป่วยมีภาวะสมองตาย กระทั่งเสียชีวิตลงในวันที่ 19 พฤษภาคม
ส่วนอีกรายเป็นชายไทยอายุ 76 ปี มีโรคประจำตัวคือโรคความดันโลหิตสูงและไตวายเรื้อรัง มีปัจจัยเสี่ยงจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 28 เมษายนมีอาการถ่ายเหลว วันที่ 1 พฤษภาคม มีอาการหายใจหอบเหนื่อย และได้เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มีไข้สูง หายใจหอบมาก ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำลง แพทย์จึงได้ทำการใส่ท่อช่วยหายใจ ภาพถ่ายทางรังสีพบว่ามีภาวะปอดอักเสบทั้งสองข้าง และผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก จึงได้เริ่มยาต้านไวรัสชนิดรับประทาน ระหว่างเข้ารับการรักษาผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรียในปอด มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากเชื้อไวรัสและหัวใจเต้นผิดจังหวะ นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบการติดเชื้อราในปอด ผู้ป่วยมีอาการทรุดลง และพบว่าภาวะปอดอักเสบรุนแรงมากขึ้น กระทั่งมีภาวะหัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตลงในเวลา 02.45 น. ของวันนี้ (20 พ.ค. 64) ซึ่งถือเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 19 ของจังหวัดเชียงใหม่
นายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดเผยถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ว่า จังหวัดเชียงใหม่มีกลุ่มเป้าหมายการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 1,612,394 คน โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มคือ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขส่วนหน้า จำนวน 47,892 คน กลุ่มเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ จำนวน 44,284 คน กลุ่มอาชีพเสี่ยง จำนวน 209,062 คน กลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 โรค จำนวน 559,304 คน และกลุ่มประชาชนทั่วไป จำนวน 751,852 คน ทั้งนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนไว้แล้วจำนวน 46 แห่ง เพื่อรองรับการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนจำนวน 1,585,501 คน
นอกจากนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกประกาศฉบับที่ 11 เรื่องการกำหนดวิธีการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในกลุ่มพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ/ขนส่งสินค้า เนื่องจากยังคงพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มดังกล่าว โดยกำหนดให้พนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ/ขนส่งสินค้า ผู้ขับรถส่งสินค้าทางการเกษตรและผู้ขับรถขนส่งสินค้าประเภทอาหารทะเลหรือผลไม้ ที่มีการเดินทางเข้า-ออกจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุก 7 วัน ที่โรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน จุดตรวจเฉพาะกิจของกระทรวงสาธารณสุข หรือศูนย์วัณโรคเขต 10 เชียงใหม่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และขอให้กลุ่มดังกล่าว ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล D-M-H-T-T-A อย่างเคร่งครัด และแสดงผลการตรวจต่อเจ้าหน้าที่ ณ ด่านตรวจหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าตรวจสอบในที่ทำงาน หรือสำนักงาน
เขียนเมื่อ 20 พฤษภาคม 2564 20:31:45 น. (view: 10336)