News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
สภาลมหายใจภาคเหนือ 8 จังหวัด ร่วมมือแก้ไขปัญหา PM 2.5 ในระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน
สภาลมหายใจภาคเหนือ 8 จังหวัด ร่วมลงนามความร่วมมือขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน เตรียมยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ปี 65
วันนี้ (9 ก.ค. 64) ที่ห้องทิพย์พิมาน โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการประชุมสภาลมหายใจภาคเหนือ 8 จังหวัด โดยมีผู้แทนจากเครือข่ายสภาลมหายใจจากจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดลำพูน จังหวัดลำปาง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน เข้าร่วม
จากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และเศรษฐกิจภาพรวมของภาคเหนือเป็นอย่างมาก ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่แตกต่างกันในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ทั้งยังไม่มีการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดและยั่งยืน แม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะพบว่าสถิติการเกิดจุดความร้อน หรือ Hotspot ลดลงมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ในบางช่วงก็ยังมีฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สะสมอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เกินค่ามาตรฐาน ดังนั้นเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน เครือข่ายสภาลมหายใจ 8 จังหวัดภาคเหนือจึงได้จัดการประชุมร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมเครือข่ายสภาลมหายใจภาคเหนือให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้แทนสภาลมหายใจทั้ง 8 จังหวัด ภาคเหนือ ได้ลงนามความร่วมมือขับเคลื่อนสภาลมหายใจภาคเหนือ เพื่อผลักดันข้อเสนอการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ระดับภูมิภาค ให้เกิดรูปธรรมอย่างยั่งยืน พร้อมเตรียมยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลในการดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นควันที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 รวม 8 ด้าน ประกอบด้วย 1) รัฐบาลจะต้องประกาศมาตรฐานคุณภาพอากาศให้เป็นไปตามเป้าหมายระยะที่ 3 ของ WHO, 2) รัฐบาลจะต้องเร่งศึกษาสาเหตุการเกิดไฟป่าในภาคเหนืออย่างจริงจัง และวางมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด, 3) ให้รัฐบาลเปลี่ยนมาตรการการเผาในพื้นที่การเกษตรให้เป็นวิธีการอื่นที่ยั่งยืน, 4) กำหนดมาตรการระดับพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้ตลอดทั้งปี, 5) นำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสม เน้นสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน, 6) แก้ไขปัญหาฝุ่นควันข้ามแดนที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศของพื้นที่ภาคเหนือ, 7) ส่งเสริมสิทธิทางกฏหมายสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อชุมชน และ 8) รณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนตลอดทั้งปี ทั้งนี้ยังจะได้มีการผลักดันกลไกด้านกฏหมายให้เกิด พรบ.กฏหมายอากาศสะอาดที่จะควบคุมดูแลคุณภาพอากาศให้สะอาดและปลอดภัยในอนาคต
เขียนเมื่อ 09 กรกฎาคม 2564 16:11:14 น. (view: 10337)