News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
ครอบครัวสุดเศร้า หนุ่มน้อยจ้ำม่ำวัย 12 เสียชีวิตรายแรกจากไข้เลือดออกของเชียงใหม่ สสจ. เตือนอย่าประมาท พร้อมปูพรมเตือนภัย จัดการยุงลาย
ครอบครัวสุดเศร้า หนุ่มน้อยจ้ำม่ำวัย 12 เสียชีวิตรายแรกจากไข้เลือดออกของเชียงใหม่ สสจ. เตือนอย่าประมาท พร้อมปูพรมเตือนภัย จัดการยุงลาย
เชียงใหม่ 28 มิ.ย.- ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นางสุธีรัตน์ มหาสิงห์ หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงข้อมูลการระบาดของโรคไข้เลือดออกในเชียงใหม่ล่าสุดว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 22 มิถุนายน 2562 จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก จำนวน 383 ราย เป็นคนไทย 343 ราย และชาวต่างชาติ 40 ราย พื้นที่ที่พบผู้ป่วยมากที่สุด ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอฮอด และอำเภอจอมทอง ตามลำดับ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย เป็นเด็กชาย อายุ 12 ปี ภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอฝาง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผลการสอบสวนโรคพบว่า เด็กป่วยตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน แต่ไปรับบริการคลินิกเอกชนในพื้นที่ก่อน เมื่ออาการไม่ดีขึ้นจึงมาที่โรงพยาบาลอำเภอฝาง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ก่อนถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งผู้ป่วยอาการอยู่ในขั้นรุนแรงแล้ว จึงเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว ประกอบกับเด็กมีร่างกายภาวะน้ำหนักมาก จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญที่ทำให้อาการของโรครุนแรงและพบว่า เป็นไข้เลือดออกสายพันธุ์ที่ 2 ซึ่งมีความรุนแรงมากที่สุดใน 4 สายพันธุ์ที่มีการระบาด อีกทั้งพบว่า พื้นที่ชุมชนดังกล่าวมีการระบาดของไข้เลือดออกอยู่แล้วเพราะมีผู้ป่วยถึง 13 รายจึงได้แจ้งย้ำหน่วยงานเกี่ยวข้องทุกส่วน ดำเนินการ สอบสวนควบคุมโรคตามมาตรฐานทุกด้าน โดยเฉพาะการจัดการกับยุงลายที่เป็นสาเหตุสำคัญ แม้ปีนี้สถานการณ์ยังไม่รุนแรง แต่ไม่ควรประมาทในทุกพื้นที่ เพราะแค่ช่วงต้นฤดูก็มีผู้เสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่พบได้ในทุกกลุ่มอายุ ประชาชนควรสังเกตอาการของตนเองและคนในครอบครัว หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลันและไข้นานเกินกว่า 2 วัน อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย หน้าตาแดง อาจมีผื่นขึ้นใต้ผิวหนังตามแขนขา ข้อพับ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ต้องรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็ว เพื่อรับการวินิจฉัย เพราะหากเข้ามารับการวินิจฉัยช้า อาจเป็นเหตุสำคัญทำให้มีโรคแทรกซ้อนรักษายากขึ้นและเป็นปัจจัยที่ทำให้เสียชีวิตได้
จึงขอแนะนำให้ประชาชนทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วน เบาหวาน และความดันโลหิตสูง เป็นต้น ป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัดโดยยึดหลัก 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค คือ 1.เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง 2.เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ 3.เก็บน้ำ ภาชนะใส่น้ำต้องปิดฝาให้มิดชิดป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ จะสามารถป้องกันทั้ง 3 โรคในคราวเดียวกัน คือ 1.โรคไข้เลือดออก 2.โรคติดเชื้อไวรัสซิกา 3.โรคไข้ปวดข้อยุงลาย หากพบแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายที่ไม่สามารถกำจัดได้ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือ อสม. ในเขตพื้นที่ของท่าน เพื่อดำเนินการกำจัดต่อไป สำหรับการกำจัดยุงลายตัวเต็มวัยภายในบ้าน และการป้องกันไม่ให้ยุงกัดโดยใช้ยาทากันยุง นอนกางมุ้ง รวมทั้งการเลี้ยงปลาหางนกยุง การใช้ทรายทีมีฟอส และขัดทำความสะอาดภาชนะสำหรับกักเก็บน้ำ ทุก 7 วัน จะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคได้
เขียนเมื่อ 28 มิถุนายน 2562 13:37:05 น. (view: 11912)