วันที่ 29 ต.ค. 64 ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาตรวจราชการและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกรทรวงมหาดไทยของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมประชุม

ที่ประชุม นายประจญ ปรัชณ์สกุล ผวจ.เชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ นายรัฐพล นราดิศร รอง ผวจ.เชียงใหม่ รายงานถึงแนวทางในการเตรียมความพร้อมเปิดเมืองเชียงใหม่รับนักท่องเที่ยว เพื่อฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศควบคู่กับการควบคุมและจำกัดโรคภายใต้มาตรการควบคุมโรคโควิด – 19 แนวใหม่ มอบให้ นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รายงานสถานการณ์และการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) และมอบให้ นายอิสระ ศิริไสยาสน์ ผอ.ทสจ.เชียงใหม่ และ ว่าที่ ร.ต.ณัฐพงค์ ฐิตวิกรานต์ หน.ปภ.เชียงใหม่ รายงานถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)

นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ที่มาวันนี้มี 4 เรื่องสำคัญที่อยากจะฝากให้ดำเนินการ เรื่องแรก การเตรียมการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีได้ประกาศว่าจะเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันในการจะช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเชียงใหม่ถือได้ว่าการท่องเที่ยวเป็นหลักของภาคเศรษฐกิจของเชียงใหม่ การเตรียมการ การรับนักท่องเที่ยวถือว่าเป็นนโยบายสำคัญซึ่งรัฐบาลได้ประกาศแล้ว ขอให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว การเดินทาง เน้นย้ำว่าต้องร่วมกันในทุกภาคส่วน พยายามอย่าให้เกิดอะไรที่เกินคาดมาทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวได้

“นักท่องเที่ยวมาจะช่วยให้เศรษฐกิจของเชียงใหม่ดีขึ้น ซึ่งจะเชื่อมโยงในเรื่องที่ 2 กับการควบคุมป้องกันโควิด-19 ซึ่งเรื่องสำคัญคือมาตรการส่วนบุคคลต่างๆ ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว ยังต้องปฏิบัติกันอย่างเข้มข้นต่อไป แม้ว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวยังต้องปฏิบัติให้เข้มข้น การ์ดอย่าตก รวมถึงการใช้ ATK ให้เป็นเครื่องมือช่วยในการตรวจเชิงรุกของแต่ละพื้นที่ โจทย์สำคัญคือ ทำอย่างไรให้การท่องเที่ยวและการดูแลรักษาสุขภาพ การป้องกันโรค ไปด้วยกันให้ได้ ซึ่งทุกฝ่ายทุกภาคส่วนของทั้งจังหวัดเชียงใหม่ต้องช่วยกัน รวมถึงพี่น้องประชาชน จะเอาเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงเรื่องเดียวไม่ได้ ทั้งเรื่องท่องเที่ยวทั้งเรื่องสุขภาพต้องทำให้บรรจบกันให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายช่วยกันก็ย่อมทำได้ นั่นหมายความว่าจะทุกภาคส่วนจะต้องบูรณาการการทำงานกันอย่างใกล้ชิดในทุกระดับตั้งแต่ระดับจังหวัดไปจนถึงระดับตำบลหมู่บ้าน ทั้ง 2 เรื่องแรกนี้อาจรวมกันเป็นเรื่องเดียวที่ต้องทำควบคู่กันไป ทำให้การสาธารณสุขมีมาตรฐานและการท่องเที่ยวก็ต้องเดินไปได้ด้วย” นายนิพนธ์ฯ กล่าว

รมช.มหาดไทย กล่าวอีกว่า ประเด็นการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กซึ่งเชียงใหม่เองมีแผนปฏิบัติที่ชัดเจนอยู่แล้ว ขอย้ำให้ปฏิบัติตามกฎหมายหลักคือ พรบ.ปภ. และแผนการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นหลักร่วมกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้ทบทวนแผนเผชิญเหตุในพื้นที่พร้อมกำหนดตัวผู้รับผิดชอบให้ชัดเจน โดยใช้แผนจากปีที่ผ่านมาเป็นแนวทางแล้วเพิ่มเติมในจุดอ่อนเสริมในจุดแข็ง รวมถึงจัดตั้งชุดติดตามสถานการณ์และนำเทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานในทุกระดับ โดยการทำงานนั้นต้องให้มีการบูรณาการกันในทุกภาคส่วนพื้นที่ไหนใครรับผิดชอบหน่วยนั้นก็จะเป็นเจ้าภาพหลักพูดคุยหารือกันในระดับพื้นที่ พร้อมกับให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง

“เรื่องสุดท้ายที่อยากจะฝากคือ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะลดลงไปบ้างก็ตามยอดผู้เสียชีวิตตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้มีมากถึงหมื่นกว่ารายคาดว่าถึงสิ้นปี 2564 คาดจะมีถึง 1.5 หมื่นคน ปีที่ผ่านมายอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 1.7 หมื่นราย แต่ละปีมียอดลดลงเพียง 5 % ไม่ได้หวังถึงขั้นว่าจะไม่ให้เกิดหรือเกิดไม่ได้ หากว่ามีการควบคุม มีการสื่อสารกันต่อเนื่องเรื่อยๆ ยอดก็จะลดลงต่อเนื่องเรื่อยๆ เช่นกัน ภายใน 10 ปีก็อาจลดลงได้กว่าครึ่ง ทำอย่างไรก็ได้ช่วยกันเพื่อให้ลดลงให้ได้ ที่อยากจะฝากก็คือ ตำบลไหนที่ยังไม่มี ศปถ.อปท. ก็ขอให้จังหวัดดำเนินการจัดตั้งให้ครบถ้วน ก็คือให้ตรวจสอบในทุกตำบลว่าที่ใดไม่มีศูนย์ปลอดภัยทางถนนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดำเนินการจัดตั้งให้ครบทุกท้อง และใช้กลไกนี้นำไปสู่ ตำบลขับขี่ปลอดภัย ให้ได้” นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าว