News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
นักวิชาการอีกกลุ่มจับมือแกนนำชุมชน นักอนุรักษ์ ค้านกรมทางหลวงทุบลานน้ำพุเมญ่า ทำถนน 2 เลน เชื่อไม่ได้แก้ปัญหาจราจร แต่เห็นว่าควรคงพื้นที่ให้ประชาชนใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีชุมชน
เมื่อวันที่ 4 ก.ค.- ที่ รร.ธาริน อ.เมืองเชียงใหม่ ศูนย์ประสานงานกิจกรรมเพื่อสังคม สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่มีกลุ่มนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม แกนนำชุมชน เครือข่ายภาคประชาสังคมได้จัดเวที "จาวบ้าน จาวเวียง เพื่อเมืองเชียงใหม่เรื่อง ข่วงสาธารณะรินคำ จะอนุรักษ์ไว้หรือทุบทำถนน"ทั้งนี้เพื่อระดมแนวคิดในการเสนแแผนการจัดการพื้นที่ให้กรมทางหลวงได้พิจารณาพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นแลนด์มาร์คของเมือง ให้เป็นพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันในมิติต่างๆ ซึ่งได้ทำหนังสือเปิดผนึกถึงอธิบดีกรมทางหลวงผ่านทางผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 1 เชียงใหม่เพื่อคัดค้านโครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 11 บริเวณทางแยกรินคำ ที่จะมีการรื้อข่วงรินคำในเขตทางหลวงออกทั้งหมด รวมทั้งต้นไม้ใหญ่ เส้นทางน้ำธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติที่กีดขวางการก่อสร้างออก เพื่อทำถนนสำหรับรถยนต์เพิ่มอีก 2 ช่องทางและไหล่ทาง รวมความกว้างผิวทางประมาณ 10 เมตร ซึ่งภาคประชาชนเห็นว่า ไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาประเทศขัดกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการสร้างถนนที่เน้นความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะความเสมอภาคต่อผู้ใช้ถนนทุกคนชนรวมถึงผู้ใช้จักรยาน คนเดินเท้า นักท่องเที่ยว ฯลฯ
ผศ.ดร.วสันต์ จอมภักดี แกนนำนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ทางเครือข่ายภาคประชาชนศูนย์ประสานงานกิจกรรมเพื่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน ต้องการนำเสนอแผนการพัฒนาพื้นที่ที่ทางหลวงจะขอคืนเพื่อเป็นการอนุรักษ์และพัฒนาเป็นข่วงสาธารณะเชื่อมจากข่วงรินคำถึงพื้นที่โบราณสถานหน้าวัดเจ็ดยอดพระอารามหลวง (ข่วงรินคำ-ข่วงมหาโพธิ์-ข่วงพระเจ้าติโลกราช-ข่วงหน้าวัดเจ็ดยอด - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ - ข่วงสิงห์-อนุสาวรีย์สิงห์) ที่ผ่านมามีการหารือเพื่อเตรียมข้อเสนอให้กรมทางหลวงมาตลอดและวันนี้ถือเป็นเวทีใหญ่ที่จะสรุปร่วมกันเพื่อยื่นต่อทางอธิบดีกรมทางหลวงโดยตรง โดยยืนยันว่าไม่ได้มีข้อขัดแย้งหรือโต้แย้งกับเครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนอีกกลุ่มที่ขอทวงคืนพื้นที่สาธารณะดังกล่าวให้กรมทางหลวงใช้แก้ไขการจราจร ซึ่งต่างเห็นตรงกันว่าให้กรมทางหลวงนำพื้นที่กลับคืนมาใช้ประโยชน์เพื่อสาธารณะ เพียงแต่ทางเครือข่ายของศูนย์ประสานงานกิจกรรมเพื่อสังคม สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนนี้ ต้องการให้เกิดการพัฒนาที่คุ้มค่าและยั่งยืนมากกว่าการทำเฉพาะเรื่องถนนอย่างเดียวเท่านั้น เนื่องจากข้อมูลโครงการวิศวกรรมจราจรการสร้างถนนเพิ่มตรงจุดดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจราจรได้จริง
เขียนเมื่อ 04 กรกฎาคม 2562 08:00:30 น. (view: 11913)