จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อจากการสัมผัสในสถานบันเทิงเพิ่มขึ้น ย้ำทุกคนปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคส่วนบุคคลเคร่งครัด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่

สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ ประจำวันนี้ (23 ธ.ค. 64) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงเหลือ 56 ราย ซึ่งต่ำกว่า 100 ราย ติดต่อกันเป็นวันที่ 14 วันแล้ว โดยเป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างพื้นที่เพียง 1 รายเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด จากคลัสเตอร์ใหม่และคลัสเตอร์ที่ยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง 8 ราย จาก 2 คลัสเตอร์ ได้แก่ คลัสเตอร์นักศึกษาที่มีไทม์ไลน์ไปสถานบันเทิงต่างๆ พบเพิ่ม 5 ราย ยอดรวม 20 ราย โดย 2 รายมีไทม์ไลน์ไปร้านพอใจ บาร์ และเลอเนิร์ฟ ที่ประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงเมื่อวานนี้ อีก 3 รายเป็นเพื่อนผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง พักห้องเดียวกัน และเล่นกีฬาด้วยกันกับผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้านี้ และคลัสเตอร์ใหม่ ที่บริษัทพรหมชนก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทำอาหารให้ผู้ป่วยโรงพยาบาลสวนปรุง พบเพิ่ม 3 ราย ยอดรวม 4 ราย อยู่ระหว่างสอบสวนว่าติดเชื้อจากที่ใด  และมีผู้ป่วยในโรงพยาบาลเสี่ยงมากน้อยอย่างไร

ส่วนคลัสเตอร์เดิมที่อยู่ระหว่างการควบคุมโรค พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 5 ราย ได้แก่ คลัสเตอร์ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล 3 ราย ยอดรวม 20 ราย เป็นพนักงานในร้านค้าย่อยชั้น G และผู้สัมผัสกับพนักงานประจำที่รายงานไปวานนี้ และคลัสเตอร์ตลาดเมืองใหม่ พบเพิ่ม 2 ราย ยอดรวม 2,110 ราย โดยทั้ง 2 ราย เป็นแม่ค้าขายของอยู่ในตลาดขายไส้ย่างและขายผัก ซึ่งทั้ง 2 รายได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว อยู่ระหว่างการสอบสวนว่ามีความเชื่อมโยงกันอย่างไร ขณะที่การติดเชื้อในกลุ่มครอบครัวพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย จากครอบครัวที่อาศัยอยู่หมู่ 8 บ้านวรุณนิเวศน์ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่

ทำให้ปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อจากการสัมผัสในสถานบันเทิงกลับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากไม่พบมาเป็นระยะเวลานาน จากการพบคลัสเตอร์ในร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เปิดให้มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน จำนวนหลายราย จึงขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคส่วนบุคคลเคร่งครัด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ และภาพรวมของปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อของจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงเป็นการสัมผัสในครอบครัวเป็นปัจจัยหลัก รองลงมาเป็นการติดเชื้อจากการสัมผัสในชุมชนและการสัมผัสในที่ทำงาน

สำหรับผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 90 ปี โรคประจำตัวเป็นเบาหวาน หัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีภาวะหลอดเลือดสมอง ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อไม่ชัดเจน และไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน โดยวันที่ 11 ธันวาคม ญาติพบว่าผู้ป่วยตกเตียง นำส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลนครพิงค์ ตรวจเอกซเรย์พบมีปอดอักเสบ ไม่พบการบาดเจ็บในส่วนอื่นๆ จึงตรวจ RT-PCR ยืนยันพบว่าติดเชื้อ ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม วันที่ 21 ธันวาคม ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตลง