วันนี้ (21 ก.พ. 65) ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายสุพจน์ ศรีงามเมือง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ภาค 5 หรือ ป.ป.ช.ภาค 5 พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัด ในพื้นที่ภาค 5 รวม  8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ร่วมแถลงผลการดำเนินงานกรณีคดีสำคัญ ทั้ง 16 คดี ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลและคดีที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2565 โดยส่วนใหญ่เป็นคดีการกระทำผิด ของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการระดับสูงในสถาบันอุดมศึกษา กรณีทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง การร่ำรวยผิดปกติ แจ้งการเดินทางไปราชการอันเป็นเท็จ การทุจริตรับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งผู้บริหารแต่นำรถส่วนกลางไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว  การทุจริตในการจัดซื้อที่ดินเพื่อขยายเขตพื้นที่ทำการของหน่วยงาน จัดซื้อผ้าห่มกันหนาว จัดทำอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียน การใช้ทรัพยากรของราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง  การสมยอมกันในการเสนอราคา รับสมอ้างทำสัญญารับจ้างก่อสร้าง เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้เสนอรายการบางราย การทุจริตการก่อสร้างทำนบดินกั้นน้ำ ขุดลอกลำน้ำ โดยมีคดีที่อยู่ในความสนใจและติดตามของประชาชนหลายคดีสำคัญ อาทิ  

 คดีที่อยู่ในการดำเนินงานของ สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 5  กรณีกล่าวหาอดีตผู้บริหารระดับสูงขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายกับพวก ทุจริตการจัดซื้อครุภัณฑ์การศึกษา โดยการจัดทำห้องเรียนอิเล็กทรอนิกส์ในสถานศึกษา เป็นเงินกว่า 34 ล้านบาท ที่มีการกำหนดคุณลักษณะครุภัณฑ์ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการบางรายและกำหนดราคากลางสูงกว่าที่ควรจะเป็น รวมทั้งปรากฎพฤติการณ์สมยอมในการเสนอราคา โดย คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติ พบมูลความผิดทางอาญา และ พรบ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และ พรบ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และปัจจุบันอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาตามที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทุกราย  

 ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดเชียงใหม่ รายงานความคืบหน้าคดีสำคัญ 2 คดี คือ กรณีกล่าวหาผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งกับพวก แจ้งการดำเนินโครงการเป็นเท็จ โดยจัดอบรมพัฒนาบุคลากรและศึกษาดูงานในประเทศ แต่มีการจ้างบริษัททัวร์พาไปต่างประเทศซึ่งผิดไปจากที่ขออนุมัติโครงการไว้ ทำให้เกิดความเสียหายต่อราชการ และอีกกรณีเป็นผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ โดนชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการทุจริตเลือกรับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายการจัดหารถประจำตำแหน่งผู้บริหารแล้ว แต่ยังนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้ในประโยชน์ส่วนตน โดยให้เจ้าหน้าที่ระบุว่านำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้ในราชการ ทำให้เกิดความเสียหายต่อราชการ ขณะนี้ได้ส่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้แก่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป  

 ทั้งนี้ นายสุพจน์ ศรีงามเมือง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 5 ชี้แจงว่า การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ขณะนี้ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุดก่อน