News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เผย มีการรับแจ้งเบาะแสที่เสี่ยงจะทุจริต 3 เรื่อง ใน 3 อำเภอ ทั้งการก่อสร้างและการดูดตักทราย
วันนี้ (12 ก.ค. 65) ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวพิมพินันท์ ธีร์ธนารุจน์ เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการ พร้อมด้วย นายธิบดิ์ เซซัง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตปฏิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเปิดเผยในการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ ถึงการขับเคลื่อนงานศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (Corruption Deterrence Center : CDC) ว่าศูนย์ CDC ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลการแจ้งเบาะแส รวมทั้งข่าวสารเกี่ยวกับการทุจริต หรือเหตุการณ์ที่ส่อว่าจะเกิดการทุจริตจากช่องทางต่าง ๆ ทั้งของสำนักงาน ป.ป.ช. หน่วยงานภาครัฐ เอกชน เครือข่ายภาคประชาชน สื่อสังคมออนไลน์ และสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อสำรวจ ตรวจสอบติดตาม เฝ้าระวัง วิเคราะห์ และประเมินสภาวการณ์ทุจริตอย่างทันท่วงที รวมทั้งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อป้องปรามการทุจริตอย่างเป็นรูปธรรม
ในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับแจ้งเบาะแสความเสี่ยงทุจริตในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1 โครงการก่อสร้างรางระบายน้ำริมถนน ตำบลหางดง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ให้ข้อมูลเบาะแส แจ้งว่าการวางเหล็กเสริมรางระบายน้ำดังกล่าว ไม่มีระยะหุ้มคอนกรีตและมีการวางเหล็กเกือบติดพื้น ไม่มีทรายรองพื้น จึงมีข้อสังเกตว่าตามปกติแล้ว ควรมีทรายรองพื้นด้วยหรือไม่ โดยภายหลังจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าการก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบการก่อสร้าง ส่วนการที่มีชั้นทรายรองพื้น สอดคล้องตามข้อสังเกตที่มีการแจ้งเบาะแสมาจริง เนื่องจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้ควบคุมงาน จึงได้แจ้งให้ผู้รับจ้างทำการแก้ไขงานให้ถูกต้องตามรูปแบบ
เรื่องที่ 2 การลักลอบขุดทรายและย่อยหินในลำน้ำแม่แจ่ม ตำบลแจ่มหลวง อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ให้ข้อมูลเบาะแส แจ้งว่ามีการใช้รถขุดทรายและย่อยหินในลำน้ำสาธารณะแห่งหนึ่ง เขตพื้นที่อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีข้อสังเกตว่าอาจเป็นการลักลอบขุดทรายในลำน้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีการขุดทรายในลำน้ำสาธารณะจริง บริเวณริมลำน้ำแม่แจ่ม บ้านแจ่มหลวง หมู่ที่ 6 ตำบลแจ่มหลวง อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ และในบริเวณดังกล่าว ยังพบร่องรอยการขุดเจาะหินแม่น้ำ การร่อนทราย และร่องรอยการใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ (รถแบคโฮ) โดยในบริเวณที่เกิดเหตุพบตะแกรงเหล็กสำหรับใช้ร่อนหิน ทราย หัวเจาะกระแทกสำหรับใช้กับรถแบคโฮ กองวัสดุหิน ทราย แต่ไม่พบตัวผู้กระทำความผิดและไม่มีผู้ใดมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ อุปกรณ์ที่ตรวจพบ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.12 (วัดจันทร์) ดำเนินการตรวจยึดและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กัลยาณิวัฒนาเพื่อดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด
และเรื่องที่ 3 การขุดตักทรายในลำน้ำฝาง ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ให้ข้อมูลเบาะแส แจ้งว่ามีการขุดตักทราย ในลำน้ำสาธารณะแห่งหนึ่ง เขตพื้นที่อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ โดยแจ้งว่าพบรถแบคโฮ 1 คัน ทำการขุด ตักทรายมาเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน มีรถบรรทุกใช้ขนทรายอีก 1 คัน ซึ่งรถทั้ง 2 คันดังกล่าว มีข้อความ “เทศบาลตำบลไชยปราการ” ซึ่งมีข้อสังเกตว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย พ.ศ. 2546 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ หรือไม่ หรือเป็นการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ แอบแฝงหาผลประโยชน์หรือไม่ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบร่องรอยการเปลี่ยนแปลงของตลิ่ง และพบรถแบคโฮ 1 คัน บริเวณริมลำน้ำฝาง นอกจากนี้ ยังพบรถบรรทุกทราย 1 คัน จอดอยู่ภายในบริเวณสำนักงานเทศบาลตำบลไชยปราการ โดยมีผู้ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่าการดำเนินการดังกล่าว อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลไชยปราการ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมกำจัดผักตบชวาและวัชพืชแหล่งน้ำสาธารณะ ประจำปี 2564 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบำรุงรักษาทางบก ทางน้ำ ทางระบายน้ำ และป้องกันการกีดขวาง การไหลระบายน้ำในฤดูน้ำหลากสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านในพื้นที่ โดยการดำเนินการดังกล่าวได้ดำเนินการภายใต้ระเบียบ กฎหมายถูกต้องตามขั้นตอนกระบวนการแล้ว
ทั้งนี้ การจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศูนย์ CDC นับเป็นการป้องกันการทุจริต และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในพื้นที่ ในการร่วมกันสอดส่อง ดูแล และตรวจสอบการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส
////////////////////////////
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่/ข่าว-ภาพ
12 กรกฎาคม 2565
เขียนเมื่อ 12 กรกฎาคม 2565 13:33:32 น. (view: 10337)