News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
เครือข่ายประชาสังคมควบคุมแอลกอฮอล์นานาชาติ 10 ประเทศ ยอมรับการตลาดของธุรกิจแอลกอฮอล์หลัง Covid-19 น่าห่วงโดยเฉพาะผ่านออนไลน์ หวังใช้ SAFER ของ WHO แก้ปัญหา และยังกังวลต่อการเสนอแก้ไขกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้สามารถโฆษณาได้และกฎหมายภาษีสรรพสามิตที
เครือข่ายประชาสังคมควบคุมแอลกอฮอล์นานาชาติ 10 ประเทศ ยอมรับการตลาดของธุรกิจแอลกอฮอล์หลัง Covid-19 น่าห่วงโดยเฉพาะผ่านออนไลน์ หวังใช้ SAFER ของ WHO แก้ปัญหา และยังกังวลต่อการเสนอแก้ไขกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้สามารถโฆษณาได้และกฎหมายภาษีสรรพสามิตที่ให้ผลิตได้เสรี หวั่น! ประเทศไทยจะสูญเสียเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องประชาชนจากภัยแอลกอฮอล์
เมื่อวันที่ 28-30 ต.ค.65 ทีผ่านมาที่โรงแรมเมอเวนพิค สุริวงค์ จ.เชียงใหม่ เครือข่ายงดเหล้า และ สสส. ร่วมกับ Movendi International, IOGT-NTO Movement และ International Health Policy Program (IHPP) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของประสบการณ์ของภาคประชาสังคมในประเด็น นโยบายเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการดำเนินการของชุมชนเพื่อลดผลกระทบจากการทำการตลาดของภาคธุรกิจและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อนำไปสู่แนวทางความร่วมมือขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพหลังโควิด-19 ดีขึ้น ซึ่งมีเครือข่าย 10 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ สวีเดน, บอสเนีย&เฮอเซโกวินา, เซอร์เบีย, มอนเตเนโก, ศรีลังกา, เมียนม่า, สปป.ลาว, เวียดนาม, กัมพูชา และเครือข่ายภาคประชาสังคมควบคุมแอลกอฮอล์ของประเทศไทย
ในการนี้นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) ในฐานะผู้จัดงาน กล่าวว่า การเร่งทำการตลาดของภาคธุรกิจแอลกอฮอล์หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้นเหมือนกันทั่วโลก โดยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ การเน้นการโฆษณาผ่านออนไลน์และการขายผ่านออนไลน์ แบบ on-demand ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในประเทศแต่เป็นข้ามข้อบังคับระหว่างประเทศ (Marketing Cross Border) รวมทั้งการทำการตลาดในกลุ่มเยาวชนโดยสนับสนุนงานดนตรี กีฬาศิลปวัฒนธรรม การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่างๆ มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก(WHO) ได้เร่งสนับสนุนให้ประเทศต่างๆ นำมาตรการนโยบายที่มีประสิทธิภาพไปดำเนินการ SAFER 5 ด้าน ได้แก่ การห้ามการโฆษณาส่งเสริมการขายเพื่อลดแรงจูงใจ, การขึ้นภาษีเพื่อสุขภาพ, การจำกัดการซื้อการขายให้ยากขึ้น, การลดผลกระทบจากการดื่มแล้วขับ และการคัดกรองบำบัดรักษา เพื่อปกป้องประชาชนในประเทศจากการตลาดของธุรกิจแอลกอฮอล์แนวใหม่ดังกล่าว จึงทำให้เครือข่ายงดเหล้า, สสส.ร่วมกับ IOGT-NTO Movement ได้เชิญเครือข่ายภาคประชาสังคมใน 9 ประเทศ และรวมประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ต้องการลดผลกระทบจากปัญหาแอลกอฮอล์ มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และวางแนวทางดำเนินงานร่วมกัน เพื่อหยุดยั้งการตลาดของธุรกิจที่มุ่งแสวงกำไรบนความทุกข์ของสังคมและแลกเปลี่ยนการดำเนินงานร่วมกัน
โดยนาย Adis Arnautovic ผู้อำนวยการ Center for youth organization (CEM) ประเทศบอสเนียและเฮอเซโกวินา กล่าวว่า การดื่มเป็นค่านิยมประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกัน ทำให้เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไปและไม่มีใครที่คิดว่ามันเป็นปัญหา ทั้งนี้ ที่ประเทศของเรามีหลายศาสนาทั้งคาทอลิกและออร์ทอด็อกซ์และชาวมุสลิมจำนวนมากแต่ยังมีการดื่มในกลุ่มชาวมุสลิม เพราะถือว่าเป็นการดื่มต่อๆกันมา รวมทั้งการตลาดของธุรกิจแอลกอฮอล์สามารถโฆษณาได้ตลอดเวลารวมทั้งในระบบออนไลน์ แม้ว่าเรามีกฎการห้ามขายให้เยาวชน แต่ไม่ค่อยได้รับการปฏิบัติเท่าที่ควร ดังนั้น เราจึงต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อที่จะปกป้องเด็กเยาวชนและกลุ่มผู้หญิง กลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ในชุมชนต่างๆ เพื่อร่วมต่อสู้ทั้งในระดับชุมชน ไปถึงในระดับชาติ โดยต้องการทำงานร่วมกับภาครัฐและวิชาการนั้น เรามีนโยบายหลายประการที่ดำเนินการร่วมกันอยู่ เราพยายามทำงานกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันปัญหาแอลกอฮอล์ แต่เรามีอุปสรรคด้านโครงสร้างรัฐบาลที่มีความซับซ้อนมากเพราะเรามีระบบการปกครองมากถึง 14 ระดับ ทำให้การทำงานกับภาครัฐค่อนข้างยาก แต่เราก็พยายามนำเสนอผลการวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะแนวทาง SAFER จะช่วยทำให้สถานการณ์ในอนาคตของประเทศเราดีขึ้นได้
ด้าน Dearak Song ผู้แทนจาก Cambodia Movement for Health (CEM) ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ประเทศกัมพูชายังไม่มีกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่มีการควบคุมการผลิต ทำให้สถานการณด้านสังคมสุขภาพน่าเป็นห่วงในปัญหาอุบัติเหตุ ความรุนแรง ผลกระทบต่อสุขภาพ อีกทั้ง มีการออกสินค้าใหม่ๆ หลายยี่ห้อในช่วงหลังโควิด ธุรกิจแอลกอฮอล์สามารถโฆษณาได้ตลอดเวลา รวมทั้ง มีการส่งเสริมการขายชิงโชครางวัลเป็นบ้านหรู ได้รถเก๋งสปอต ได้ทองคำ รวมทั้งในงานด้านกีฬา ดนตรี ใช้อินฟูเอนเซอร์นักร้อง นักแสดงมาโฆษณา สามารถทำ CSR ช่วยเหลือสังคมสร้างภาพลักษณ์ การซื้อการขายไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องอายุ สถานที่ วันเวลา โดยหลายหน่วยงานตระหนักในปัญหานี้และกำลังร่วมมือในการแก้ไขเสนอการควบคุมการโฆษณาในสถานที่กีฬา และการดำเนินงานโดยชุมชนสามารถกำหนดระเบียบของชุมชน หรือ “ฎีกา” ในการควบคุมแอลกอฮอล์ ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ได้เรียนรู้ปัญหาของประเทศต่างๆ และได้ความคิดแนวทาง SAFER เพื่อขับเคลื่อนในประเทศต่อไป ขณะที่ Mr.Pubudu Sumanasekara รองประธาน Movendi International กล่าวว่า Movendi International ก่อตั้งมาแล้ว 164 ปี เป็นองค์กรประชาสังคมระหว่างประเทศด้านควบคุมแอลกอฮอล์ โดยมีสมาชิกทั้งสิ้น 144 องค์กร จาก 55 ประเทศ เป็นกังวลกับการที่กลุ่มผู้ผลิตผู้ขายรายย่อยในประเทศไทยได้ผลักดัยการแก้ไขกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่รัฐสภาแล้ว และมีนักการเมืองบางส่วนสนับสนุนการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ทำให้รู้สึกเป็นห่วงเพราะกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปี 2551 สามารถหยุดยั้งการตลาดของธุรกิจได้ แม้ว่าธุรกิจได้ปรับไปใช้ตราเสมือนโฆษณาแทนในปัจจุบัน แต่เมื่อเสนอแก้ไขให้มีการโฆษณาได้ทุกรูปแบบหรือทำการลดแลกแจกแถมได้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อภาระของรัฐบาลและผลกระทบทางสังคมต่อประเทศไทยแน่นอน โดยจะยิ่งเพิ่มจำนวนผู้ดื่มแอลกอฮอล์ได้มากยิ่งขึ้นเพราะการโฆษณาเป็นเครื่องมือเพิ่มยอดขายที่ทรงพลังและที่สำคัญกลายเป็นผู้ค้ารายใหญ่ได้ประโยชน์ ผู้ที่เสียประโยชน์คือสังคม ที่จะเกิดผลต่อความรุนแรงในครอบครัว สังคม อุบัติเหตุทางถนน ซึ่งตอนนี้ประเทศต่างๆ พยายามที่จะออกกฎหมายควบคุมให้มากขึ้น รวมทั้งควบคุมทางออนไลน์ แต่ประเทศไทยกลับจะเสนอแก้ไขให้กฎหมายอ่อนแอลง ดังนั้นขอให้ทุกๆ ฝ่ายได้ยึดผลประโยชน์ของสังคมมากกว่าประโยชน์ทางธุรกิจ
ทั้งนี้นายธีระได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากการเสนอแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551 แล้ว การเสนอแก้ไขกฎหมายสรรพสามิตเพื่อให้สามารถผลิตได้โดยเสรีโดยไม่ต้องขออนุญาตก็ได้ ซึ่งกำลังเป็นประเด็นว่า ทางรัฐบาลจะไม่ยกมือสนับสนุนในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ในที่ประชุมเครือข่ายได้แสดงความเป็นห่วงด้วยว่า การแก้ไขกฎหมายฉบับนี้จะยิ่งเป็นการเพิ่มปริมาณสินค้ามากขึ้นมีความหลากหลายมากขึ้น มุ่งตรงไปที่คนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยมีการแนะนำว่า ถ้าต้องการลดช่องว่างผู้ผลิตรายใหญ่ รายย่อยและไม่เพิ่มปัญหาสังคม ควรต้องเพิ่มกฎหมายจำกัดขนาดของธุรกิจหรือกฎหมายการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม เพื่อลดการผูกขาดลงด้วย เพราะหากจะแก้ไขให้ผลิตได้เสรี จะยิ่งเพิ่มปัญหาสังคมและรายใหญ่ก็จะได้ประโยชน์จากการเปิดเสรีมากยิ่งขึ้น.
เขียนเมื่อ 02 พฤศจิกายน 2565 16:39:50 น. (view: 10341)