News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
หนุ่มเทศบาลสันกำแพงสุดเจ๋ง เพาะขยายพันธุ์ ด้วงกว่าง ออกขายสร้างรายได้เสริม ลูกค้าเพียบทั้งกลุ่มนักสะสมแมลง และนำไปประกวดแข่งขัน โดยมีราคาตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันตามความโดดเด่น และคุณลักษณะพิเศษ เผยจุดเริ่มจากความชอบส่วนตัว ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานศึกษาค้นค
ช่วงเข้าพรรษาของทุกปี ถือได้ว่าเป็นฤดูที่ ด้วงกว่าง ตามธรรมชาติโตเต็มวัยแล้ว พร้อมทั้งเริ่มออกหากิน และขยายพันธุ์ตามวงจรชีวิต โดยด้วงกว่างนั้น เป็นแมลงปีกแข็งสีน้ำตาลเข้ม ขนาดตัวค่อนข่างใหญ่ ซึ่งตัวผู้จะมีลักษณะพิเศษตรงที่มีเขาจำนวน 1 คู่ ไว้ใช้ต่อสู้ จึงเป็นที่มาที่ทำให้ผู้คนตั้งแต่อดีต นิยมจับแมลงชนิดนี้ ที่ออกหากินตามท้องไร่ท้องนา พื้นที่เกษตรมาเลี้ยง และนำไปใช้ต่อสู้แข่งขันกัน หรือ ที่เรียกว่า ชนกว่าง เพื่อความสนุกเพลิดเพลิน ซึ่งถือเป็นการละเล่นพื้นบ้านดั้งเดิมอย่างหนึ่งที่มีมาช้านาน และเป็นที่นิยมในภาคเหนือ ดังนั้นในช่วงนี้จึงเป็นปกติที่จะพบเห็นได้ทั่วไปว่ามีผู้ที่นำด้วงกว่างออกวางขาย ทั้งในลักษณะที่เกาะกินท่อนอ้อยแล้วแขวนไว้ หรือ บรรจุในภาชนะพลาสติก โดยที่บางแห่งอาจจะมีการจัดคล้ายกิจกรรมรวมกลุ่มพบปะ และสังเวียนเล็กๆ ให้ประลองฝีมือกันด้วย
ทั้งนี้จากการที่ด้วงกว่าง ตามธรรมชาติ มีจำนวนลดน้อยลง และหาจับได้ยากขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงด้วงกว่าง ในลักษณะของฟาร์มอย่างแพร่หลาย โดยนายณัฐพล จันทรรัตน์ อายุ 47 ปี พนักงานเทศบาลแห่งหนึ่งในอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ หรือ ที่ในวงการ ด้วงกว่าง รู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อ ป๋านิน ที่ถือเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่บุกเบิกการเพาะเลี้ยงด้วงกว่าง มาตั้งแต่เมื่อประมาณ 10 ปี ที่แล้ว ซึ่งนายณัฐพล เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นการเพาะเลี้ยง ด้วงกว่าง นั้น มาจากความชื่นชอบแมลงชนิดนี้เป็นการส่วนตัว เพราะเคยเล่นชนกว่างมาตั้งแต่เป็นเด็ก จึงใช้พื้นที่ว่างในบริเวณบ้านสร้างโรงเรือนขนาดเล็ก และใช้เวลาว่างหลังเลิกงานทำการศึกษาค้นคว้าจนกระทั่งประสบความสำเร็จ เพาะในการเพาะขยายพันธุ์ด้วงกว่างได้ ตั้งแต่ปี 2559 เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
ส่วนวิธีการเพาะขยายพันธุ์นั้น จะเริ่มจากการคัดเลือกพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์ที่คิดว่าดีที่สุดนำมาผสมพันธุ์กัน จากนั้นปล่อยให้วางไข่ในวัสดุที่ทำจากขี้เลื่อย และเศษวัสดุธรรมชาติ ที่ผ่านกรรมวิธีหมักบ่มจนมีคุณสมบัติ และลักษณะเหมือนที่วางไข่ตามธรรมชาติ ซึ่งแม่พันธุ์หนึ่งตัวจะวางไข่ประมาณ 100 ถึง 200 ฟอง แล้วปล่อยทิ้งไว้จนกระทั่งไข่มีการเจริญเติบโตเป็นหนอนประมาณ 3 เดือน จึงจะทำการแยกเพศ และเลี้ยงไว้ให้โตเต็มวัยแล้ว ทำการคัดเลือกตัวผู้ และตัวเมียที่มีลักษณะดีตามมาตรฐานนิยมไว้เป็นพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์ รวมทั้งขาย หรือนำไปประกวดแข่งขัน ส่วนที่เหลือจะปล่อยสู่ธรรมชาติ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ และเพิ่มจำนวนในธรรมชาติ ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่ผสมพันธุ์จนกระทั่งด้วงกว่าง โตเต็มวัยนั้น นานประมาณ 8 เดือน โดยปีนี้ตัวเองเพาะขยายพันธุ์ด้วงกว่าง ได้ทั้งสิ้นประมาณ 5,000 ตัว และกำลังทยอยโตเต็มวัย พร้อมส่งขาย และประกวดแข่งขันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
สำหรับด้วงกว่าง ที่โตเต็มวัยพร้อมขายนั้น นายณัฐพล บอกว่า ลูกค้าส่วนใหญ่นิยมเลือกซื้อตัวผู้ ทั้งเพื่อนำไปสะสมหรือเลี้ยงไว้ดูเล่น,ประกวดแข่งขัน และนำไปเป็นพ่อพันธุ์เพาะขยายพันธุ์ ซึ่งราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยบาทไปจนถึงหลักพันบาท ขึ้นอยู่กับลักษณะสี รูปร่าง ขนาดตัว และขนาดเขาของด้วงกว่างแต่ละตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นตัวที่สืบสายพันธุ์มาจากด้วงกว่าง ตัวที่เคยชนะการประกวดแข่งขันจะยิ่งได้ราคาสูง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ เคยขายได้ราคาสูงสุดตัวละ 3,500 บาท ขณะที่ด้วงกว่างตัวเมียนั้น ลูกค้ามักซื้อนำไปเป็นแม่พันธุ์ โดยเลือกจากตัวที่สืบเชื้อสายจากพ่อแม่ที่เป็นสายพันธุ์ดี ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 500 บาท นอกจากนี้ที่ฟาร์มของตัวเองยังให้บริการพ่อพันธุ์ด้วงกว่าง ระดับแชมป์ในการผสมพันธุ์ให้กับตัวเมียของลูกค้าด้วย คิดค่าบริการครั้งละ 1,000 บาท ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้ามากพอสมควร
ขณะเดียวกันนายณัฐพล ระบุว่า การเพาะขยายพันธุ์ด้วงกว่างได้เองนั้น ถือว่ามีข้อดีเพราะทำให้ได้ด้วงกว่างที่มีลักษณะดี และสวยงามอย่างที่ต้องการ เพราะสามารถคัดเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ได้ ซึ่งนอกจากด้วยกว่างสายพันธุ์ไทยแล้ว ตัวเองยังเพาะขยายพันธุ์ด้วงกว่าง สายพันธุ์ต่างประเทศอีกหลายชนิดเพื่อส่งขายให้กับนักสะสม และผู้นิยมด้วย โดยการเลือก และตกลงซื้อขายกันนั้น มีทั้งลูกค้าที่เดินทางมาเลือกด้วยตัวเอง และติดต่อกันผ่านช่องทางออนไลน์แล้วจัดส่งให้ทั่วประเทศ ทั้งนี้ผู้ที่สนใจจะสั่งซื้อด้วงกว่างนั้น สามารถติดต่อสอบถามได้ทางเฟซบุ๊ค ณัฐพล จันทรรัตน์ หรือ หากผู้ใดมีความสนใจอยากจะเพาะขยายพันธุ์ด้วงกว่างก็ยินดีที่จะถ่ายทอดความรู้ให้ด้วยเช่นกัน
เขียนเมื่อ 08 สิงหาคม 2566 11:13:01 น. (view: 10337)