เชียงใหม่ 9 ส.ค. -ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ จัดงานสัมมนาวิชาการ ประจำปี 2566 เรื่อง “ยกระดับเศรษฐกิจเหนือ คว้าโอกาสบนโลกแห่งความท้าทาย” โดยช่วงสนทนากับผู้ว่าการ ธปท. ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ หัวข้อ "ก้าวต่อไปของเศรษฐกิจการเงินไทย" โดยได้ระบุว่า เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 มีทิศทางที่เป็นบวกต่อเนื่องแต่ไม่มากนักเพราะมีปัจจัยท้าทายหลายด้านทั้งภาวะเงินเฟ้อ หนี้ภาคครัวเรือน ภัยแล้ง แต่มีสัญญาณที่ดีจากการขยายตัวเรื่องรายได้เกษตรกร ภาคการท่องเที่ยวบริการที่ทำให้ความสามารถชำระหนี้ดีขึ้น ล่าสุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เพื่อให้เกิดความสมดุลและยังมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น แต่ไม่ใช่ระยะใกล้นี้ ส่วนปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีผลต่อการเบิกจ่ายและการใช้จ่ายเงินงบประมาณ  จะทำให้เศรษฐกิจดิ่งลงหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่น่ากังวล เพราะได้มีการจัดสรรงบประมาณล่วงหน้าไปแล้ว ตามโครงสร้างงบประมาณ ซึ่งเป็นงบประจำ แต่อาจจะกระทบกับงบลงทุนใหม่ ซึ่งดูแล้วเม็ดเงินไม่ได้มาก ที่จะทำให้เศรษฐกิจเปลี่ยนไปอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ความเสี่ยง นอกจากหน้าตาของรัฐบาลแล้ว คือนโยบายหลักของรัฐบาลใหม่ที่จะต้องไม่กระทบกับเสถียรภาพ ความเชื่อมั่น การใช้นโยบายประชานิยมต้องอยู่ในภาวะที่พอดีเหมาะสม  ไม่เช่นนั้นก็น่ากังวลเพราะมีตัวอย่างให้เห็นจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศมหาอำนาจต่างๆเวลานี้

  ทางด้านนางพรวิภา ตั้งเจริญมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโส ธปท.สำนักงานภาคเหนือสรุปภาพรวมเศรษฐกิจภาคเหนือว่า ปี 66-67 ยังจะเติบโตจากการท่องเที่ยว การเกษตรและการผลิต แต่มีความเสี่ยงจากภัยแล้ง ส่งผลต่อแต่ละพื้นที่ต่างกันประมาณการเศรษฐกิจภาคเหนือ ในปี 66-67 ยังขยายตัวต่อเนื่อง แต่ชะลอลงในปี 67 จากความเสี่ยงด้านภัยแล้ง แต่เชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือปรับดีขึ้น แต่ยังไม่ทำให้กำลังซื้อครัวเรือนโดยรวมดีขึ้นอย่างทั่วถึง เศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง 2 ปีทำให้รายได้ครัวเรือนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.9% แต่ครัวเรือนแต่ละกลุ่มรายได้ปรับดีขึ้นแตกต่างกัน ครัวเรือนเกษตรกว่า 2 ล้านครัวเรือน หรือกว่าครึ่งของครัวเรือนภาคเหนือ มีแนวโน้มรายได้สุทธิลดลงในปี 67