News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดตัวนวัตกรรม Wheel-B:แพลตฟอร์มการจัดการโลจิสติกส์ บอกตำแหน่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาล อยู่ไหน 3 มิติ
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดตัวนวัตกรรม Wheel-B ใช้แพลตฟอร์มการจัดการโลจิสติกส์ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาล ที่ประยุกต์ใช้บริการบอกตำแหน่ง โดยใช้ชื่อว่า อยู่ไหน 3 มิติ โดยความร่วมมือจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช.เพื่อพัฒนาระบบการให้บริการ เปลี่ยนจากระบบโทรศัพท์เป็นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้บริการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในสโลแกน ถูกคน ถูกที่ ทันเวลา
ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ)นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)บอกว่า ที่ผ่านมาคณะแพทยศาสตร์ มช.มีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับนวัตกรรมเป็นอย่างดี เพื่อให้องค์กรได้สร้างองค์ความรู้ใหม่ เชิงนวัตกรรมให้เกิดประโยชน์ และสามารถนำไปใช้ได้จริง และนับว่าโชคดีมากที่สามารถผลักดันให้งานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มช.ออกสู่สังคม และสามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ โดยได้รับความร่วมมือจากอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มช.ในการคิดค้นแพลตฟอร์มการจัดการโลจิสติกส์ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาล ที่ประยุกต์ใช้บริการบอกตำแหน่ง โดยใช้ชื่อว่า อยู่ไหน 3 มิติ (Wheel-B) ที่สามารถลดความสูญเสียของผู้ปฏิบัติงาน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การจดบันทึก เพื่อป้องกันความผิดพลาดของการทำงาน และเพื่อให้หัวหน้าศูนย์เปล สามารถจัดการดำเนินงานได้ดีขึ้น เช่น รู้ข้อมูลตำแหน่ง และสถานะของพนักงาน และอุปกรณ์ ได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้การบริหารการจัดการได้ข้อมูลละเอียด และทันท่วงที ทราบการวิเคราะห์เชิงประสิทธิภาพ เพื่อการปรับปรุงเชิงนโยบาย สามารถขยายระบบ เพื่อจัดการโลจิสติกส์ ในการเคลื่อนย้ายอื่นๆ ได้ ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าระบบนิเวศในการวิจัยนวัตกรรมของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)จะมีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นและเป็นแรงผลักดันให้คุณภาพชีวิต ความคล่องตัวในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ผศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ บอกว่า นวัตกรรมนี้ เป็นแพลตฟอร์มการจัดการโลจิสติกส์ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาล เป็นการพัฒนาต้นแบบแพลตฟอร์ม การจัดการโลจิสติกส์ โรงพยาบาล-ผู้ป่วย-การขนส่ง ด้วยการประยุกต์ใช้บริการตามตำแหน่ง โดยใช้ชื่อว่า อยู่ไหน 3 มิติ (3D UNAI) หรือโปรแกรม Wheel-B
Wheel คือ ล้อเข็น B คือ Bed เตียงนอน เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้น โดยความร่วมมือระหว่างคณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยได้รับงบประมาณหลักในการจัดทำโครงการจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช.เพื่อแก้ไขปัญหาการให้บริการ หรือ pain point ของหน่วยรับส่งผู้ป่วย งานบริการกลางโรงพยาบาล ซึ่งในการให้บริการแบบเดิมนั้น ผู้ขอใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็น หอผู้ป่วย ห้องตรวจ หรือหน่วยตรวจ ต้องโทรศัพท์ประสานมายังหน่วยรับส่งผู้ป่วย หรือหน่วยเปล ผ่านหัวหน้าเวรเปล ซึ่งต้องมีการบันทึกลงสมุดสถิติ และสามารถโทรศัพท์เข้ามาได้เพียงครั้งละ 1 สายเท่านั้น ในกรณีต้องการรับบริการเร่งด่วน จะไม่สามารถโทรฯ ใช้บริการได้ ทำให้เกิดปัญหากระจุกภาวะ คอขวด อีกทั้ง ในภาวะเร่งรีบของการบันทึกของหัวหน้าเวรเปล อาจเกิดการบันทึกที่ไม่ชัดเจน ก่อให้เกิดการมอบหมายงานให้พนักงานคลาดเคลื่อนได้ เมื่อพนักงานเปลออกบริการรับผู้ป่วยก็ไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ที่จะตรวจสอบว่าไปรับใคร รับที่ไหน และใช้พาหนะอะไร
นอกจากนี้แล้ว การให้บริการระบบเดิม หน่วยเปลจะไม่ทราบภาระงานล่วงหน้า ทำให้ยากต่อการบริหารจัดการอัตรากำลัง โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน อีกทั้งผู้ใช้บริการและหัวหน้าเวรเปล ไม่ทราบความก้าวหน้าของการให้บริการผู้ป่วยแต่ะละราย และการจัดเก็บข้อมูล และสถิติไม่เป็นระบบ ยากต่อการค้นหา และยากต่อการบริหารอัตรากำลังอีกด้วย
ด้าน รศ.ดร.พญ.ศิริอนงค์ นามวงศ์พรหม ผู้ช่วยคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)อธิบายระบบการทำงานของนวัตกรรม Wheel-B ว่า นวัตกรรมนี้เป็นกระบวนการเชิงการพัฒนา การวิเคราะห์งานเพื่อแก้ปัญหา โดยมีการวางหลักการทำงานของโปรแกรม Wheel-B ดังนี้ แบบฉบับที่หนึ่ง ใช้ระบบอินเทอร์เน็ต โดยผู้ร้องขอใช้บริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยการเข้า log in ใช้ user และ password ของหน่วยงานตนเองที่จัดเตรียมให้ โดยนำข้อมูลที่ต้องการรับบริการ ได้แก่ ชื่อ-สกุล ผู้ป่วย เลขที่โรงพยาบาล (ใส่ข้อมูลอย่างใดอย่างหนึ่ง) ขอใช้บริการจากจุดของตัวเองไปยังจุดอื่น วันเวลาที่ต้องการใช้บริการประเภทความเร่งด่วนการเคลื่อนย้าย (เร่งด่วน-สีแดง กึ่งเร่งด่วน-สีเหลือง และไม่เร่งด่วน-สีเขียว) รายละเอียดพิเศษผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยโรคติดเชื้อดื้อยา หรืออื่นๆ ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อุปกรณ์หรืออื่นๆ ที่ติดมากับผู้ป่วย รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เพิ่มเติม เช่น ให้เอกซเรย์ก่อนขึ้นนอนบนหอผู้ป่วย รวมถึงข้อความระวังพิเศษในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เพื่อให้ทางหน่วยเปลได้รับทราบ ในการเตรียมพร้อมขั้นตอนต่อไป เมื่อหัวหน้าเวรเปล รับทราบข้อมูลผ่านระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำการจ่ายงานให้พนักงานเปลที่ว่างงาน (ปุ่มเขียว) จากปุ่มสีหลังชื่อพนักงานละคน (ปุ่มเขียว-ว่างงาน ปุ่มแดง-กำลังทำงาน ปุ่มส้ม-กำลังกลับฐาน ปุ่มม่วง–พักรับประทานอาหาร/ทำธุระส่วนตัว หรือพัก ปุ่มดำ-เวรหยุด) โดยเลือกในกลุ่มผู้ป่วยเร่งด่วน (สีแดง) เป็นลำดับแรก และพิจารณาผู้ป่วยกึ่งเร่งด่วน (สีเหลือง) และผู้ป่วยไม่เร่งด่วน (สีเขียว) ตามลำดับ หลังจากนั้น พนักงาน กดรับงานผ่าน Application บนโทรศัพท์มือถือ 1 คนต่อ 1 user ทำการสแกน QR code 3 ครั้ง ดังนี้ เมื่อเดินทางถึงสถานที่รับผู้ป่วย,เมื่อไปถึงตัวผู้ป่วย และเมื่อเดินทางไปถึงสถานที่ส่งผู้ป่วย,เมื่อทำการสแกนแต่ละครั้ง ระบบจะทำการบันทึกเวลาที่สแกนโดยอัตโนมัติ ถือเป็นการสิ้นสุดงานในแต่ละขั้นตอน
ทั้งนี้ พนักงานเปล สามารถบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการรับส่งผู้ป่วยได้ด้วย เช่น รอลิฟต์ ผู้ป่วยไม่พร้อมเคลื่อนย้าย หรือผู้ป่วยมีอาการระหว่างการเคลื่อนย้าย และทางหน่วยงานที่ร้องขอบริการก็สามารถให้ ดาว โดยมี 5 ดาว ให้เลือก เพื่อประเมินความพึงพอใจในการให้บริการได้ พร้อมกับข้อเสนอแนะ หรือคำชม โดยบันทึกในระบบ และสามารถบันทึกย้อนหลังได้ แบบฉบับที่หนึ่งนี้ มีหน่วยงานที่เข้าโครงการ 15 หน่วยงาน ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
แบบฉบับที่สอง ใช้ระบบอินเทอร์เน็ต และอินทราเน็ต ซึ่งอธิบายได้ว่า อินเทอร์เน็ตให้การเข้าถึงกับทุกคน ในขณะที่อินทราเน็ตอนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้เท่านั้น กระบวนการทำงานมีการขยายเพิ่มหน่วยงานที่รับบริการจาก 15 หน่วยงาน เป็น 162 หน่วยงาน ครอบคลุมพื้นที่ทั่วโรงพยาบาล โดยปรับปรุงแบบฉบับที่ 1 ให้พร้อมใช้จำนวน 16 ครั้ง และพัฒนาอย่างต่อเนื่องไปพร้อมๆ กัน โดยรับฟังเสียงจากผู้ใช้โปรแกรมทั้งส่วนหอผู้ป่วย ห้องตรวจ หน่วยตรวจ และหน่วยรับส่งผู้ป่วย หลังจากนั้นทดลองใช้ระบบ GPS มาติดกับล้อเข็น และเปลเข็น เพื่อทราบพิกัดของพาหนะในการให้บริการผู้ป่วย โดยติด GPS 200 ตัว และตัวรับสัญญาณ 20 ตัว โดยเลือกบริเวณที่มีผู้ป่วยใช้บริการมาก เช่น อาคารสุจิณฺโณ หน้าห้องตรวจ OPD หน้าห้องฉุกเฉิน หน้าแผนกเอกซเรย์ เป็นต้น
ทิศทางในอนาคต แบบฉบับ 2+(สองบวก) จะพัฒนาการใช้ระบบ GPS ติดกับพาหนะทุกตัว และขยายพื้นที่การให้บริการให้ครอบคลุมทั้งโรงพยาบาล ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างการรออุปกรณ์ และต่อยอดการใช้ GPS กับอุปกรณ์การแพทย์ที่มีราคาสูง เพื่อหาตำแหน่ง กรณีที่ต้องการใช้อย่างเร่งด่วน โปรแกรม Wheel-B สามารถติดตามความก้าวหน้าในการทำงานแบบปัจจุบัน (real time) สามารถคำนวณสถิติการให้บริกา รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน ทราบภาระงานที่ให้บริการทั้งในอนาคต และสามารถสืบค้นข้อมูลย้อนหลังโดยง่าย และทำให้การปฏิบัติงานมีคุณภาพสูงสุด ก่อประโยชน์สำหรับผู้ใช้บริการ โดยรับส่งถูกคน ถูกสถานที่ และทันเวลา เพื่อพัฒนาการให้บริการก้าวสู่โรงพยาบาลในดวงใจ
เขียนเมื่อ 05 กันยายน 2566 09:29:22 น. (view: 10340)