ตำรวจจัดกำลังเข้มคุมตัวหนุ่มลำปาง "เอ็ม" ทำแผนฯ ฆ่าหมกตู้เย็น"เศรษฐินีสายบุญ" ท่ามกลางชาวบ้านในพื้นที่ตื่นแต่เช้ามามุงดูพร้อมตะโกนสาปแช่ง เรียกร้องให้ลงโทษประหาร เบื้องต้น จนท.แจ้งไม่ต่ำกว่า 5 ข้อหา

เชียงใหม่ 2 พ.ย. - ผู้สื่อข่าวรายงานคืบหน้าคดีดังหนุ่มสองแถวชาวลำปางฆ่าเศรษฐีนีสายบุญยัดตู้เย็นว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรจอมทองเชียงใหม่ ได้คุมตัว นายวิฑูรย์ ศรีตะบุตร์ อายุ 39 ปี หรือ เอ็ม หรือ ตั้ม ผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ฆ่าเศรษฐีนีนักปฏิบัติธรรมสายบุญยัดตู้เย็นหวังเอาเงินก้อนโตแต่หนีไม่รอด มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังที่เกิดเหตุ บริเวณตึกแถว 3 ชั้นเลขที่ 90/3 ถ.เชียงใหม่-ฮอด ม.3 ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดถนนเข้าออกที่เกิดเหตุในรัศมี 200 เมตร พร้อมผสานกำลัง สนับสนุนเจ้าหน้าที่กี่ยวข้องกว่า 60 นาย มาดูแลความปลอดภัย เพื่อกันไม่ให้ชาวบ้านที่มามุงดูอยู่จำนวนมาก เข้าใกล้หรือทำร้ายผู้ต้องหา บางคนตะโกนด่าสาปแช่งที่นายเอ็มก่อเหตุ เพราะในชุมชนไม่เคยเกิดเหตุเช่นนี้ พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ลงโทษประหารชีวิตแลกชีวิตของเศรษฐีนีนักบุญ โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการทำแผนประกอบคำสารภาพ ประมาณ 30 นาที จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาขึ้นรถ เพื่อนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดฮอด ซึ่งชาวบ้านที่มารอดูการทำแผนฯ ต่างตะโกนสาปแช่ง และอยากให้ลงโทษด้วยการประหารชีวิต เนื่องจากพฤติกรรมโหดร้ายตลอดทางที่ผ่าน แต่ไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ

อย่างไรก็ตามก่อนหน้าที่จะมาทำแผนนั้นฯ ทางผู้ต้องหาได้เผยว่า รู้สึกสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำลงไป ขอโทษญาติผู้ตายและเมื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จ ทางผู้ต้องหาได้ก้มกราบขอขมาในจุดที่ยัดศพผู้เสียชีวิตไว้ในตู้เย็นด้วย พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง ผกก.สภ.จอมทอง เผยว่า ผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยทรมาน โทษสูงสุดคือ ประหารชีวิต รวมถึงข้อหาชิงทรัพย์ ซ่อนเร้นอำพรางศพ และพฤติการณ์ทำผิดที่เกี่ยวข้องรวมแล้วตอนนี้ประมาณ 5 ข้อหา ซึ่งตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ที่ห้องขัง สภ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ผลัดเปลี่ยนเวรกันเข้าไปพูดคุยและเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา เพื่อลดความเครียด และป้องกันไม่ให้ผู้ต้องหาคิดสั้น ส่วนการแจ้งข้อหาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหานั้น ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อเหตุเพียงคนเดียว เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทิ้งเบาะแสข้อมูลใดๆเพื่อให้สำนวนคดีรอบด้านเป็นธรรมที่สุด