News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีชี้แจงข่าวสัตว์ตาย 13 ตัวปริศนา ยืนยันไม่เป็นความจริงแต่มี 4 ชนิดที่มีปัญหาสุขภาพตายปกติ ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเพื่อปกป้อง หากมีผลเสียหายต่อองค์กร
เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีชี้แจงข่าวสัตว์ตาย 13 ตัวปริศนา ยืนยันไม่เป็นความจริงแต่มี 4 ชนิดที่มีปัญหาสุขภาพตายปกติ ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเพื่อปกป้อง หากมีผลเสียหายต่อองค์กร
เชียงใหม่ 15 ม.ค.- ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)จัดแถลงข่าวชี้แจงประเด็นข่าวการตายของสัตว์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีหลังมีบางสื่อนำเสนอออกไปก่อนหน้านี้ว่า มีการตายของสัตว์ปริศนาถึง 13 ตัว เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา โดยมีนายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เป็นประธานในการแถลงข่าว พร้อมด้วย นางสาวรัตน์ ต๊ะวันวงค์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนครและผู้อำนวยการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี, น.สพ.สุเมธ กมลนรนาถ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการสัตว์, นายชาตรี คูหเทพารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการสัตว์ และ น.สพ.ตุลยวรรธ สุทธิแพทย์ หัวหน้างานอนุรักษ์และวิจัย ร่วมแถลง ทั้งนี้ได้ชี้แจงว่า มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบรายละเอียดและข้อเท็จจริงแล้วเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นจริงโดยมีสัตว์ที่ตายในช่วงเวลาดังกล่าวเพียง 4 ตัวคือ สุนัขจิ้งจอกป่วยพบเนื้องอก สุนัขจิ้งจอกทะเลทราย Fennec fox เป็นเนื้องอกที่ไทรอยด์ ค่าง 5 สีแฝดที่สุขภาพไม่แข็งแรง และ แมวดาววัย 14 ปี ซึ่งอยู่ในวัยชราภาพ และเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีการป่วยตายในพื้นที่เนื่องจากมีการนำสัตว์มาจัดแสดงตั้งแต่ปี 2548 ปัจจุบันสัตว์กลุ่มนี้อยู่ในวัยชรา แม้จะมีการดูแลสุขภาพอย่างดีตามมาตรฐานสากล ซึ่งมีการเจ็บป่วยตายเป็นปกติ มีการตรวจสอบลงบันทึกเป็นหลักฐานทั้งหมดที่สามารถตรวจสอบได้ ไม่ได้มีการตายปริศนาแต่อย่างใด ผลสอบคณะกรรมการสอบสวนมีการรายงานให้คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนครทราบและเป็นไปตามมาตรฐานการจัดการสวนสัตว์และหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ตามมาตรการ WAZA (World Association of Zoo and Aquariums)และ SEAZA (South East Asian Zoo Association)
โดยจากการตรวจสอบการตายของสัตว์ทั้ง 4 ตัว มีการชันสูตรซากครบทุกขั้นตอน มีการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อและอวัยวะส่งตรวจต่อไปยังห้องปฏิบัติการ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และกรมปศสัตว์ พร้อมกันนี้ยังมีการทำรายงานสัตว์เกิดสัตว์ตายต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประจำทุกเดือนยกเว้นสัตว์ป่าคุ้มครองประเกทเสือโคร่งที่ต้องรายงานภายใน 24 ชั่วโมงซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562
ทั้งนี้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเป็นพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์มีสัตว์ป่าอยู่จำนวนมากเคยมีเหตุการณ์งูเหลือมเข้ามาในพื้นที่และเจ้าหน้าที่พบว่า มีลีเมอร์ สูญหาย เมื่อสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฏมีงูเหลือมขนาดใหญ่ที่เข้าไปในส่วนแสดง ก็เร่งแก้ไขตามมาตรการในการป้องกัน ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 จากนั้นมาไม่พบปัญหานี้
โอกาสนี้ผู้บริหารเชียงใหม่และซาฟารียืนยันว่า ทางเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีความสำเร็จและภามภาคภูมิใจในการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น และศูนย์วิจัยการผสมเทียมและเทคโนโลยีชีวภาพเชียงใหม่ ด้านการรีดน้ำเชื้อ การตรวจคุณภาพน้ำเชื้อ การทำน้ำเชื้อ
แช่แข็งและการผสมเทียม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นิยมใช้ทั่วโลก มีความปลอดภัยสูงต่อสัตว์และสามารถพัฒนา สายพันธุ์ให้คงอยู่ได้อย่างสมดุลในธรรมชาติ ซึ่งนำไปสู่การดำเนินโครงการผสมเทียม (Al-Artificial Insemination) สัตว์ป่าเพื่อการอนุรักษ์
ที่เป็นโครงการต่อเนื่องในการวิจัยและอนุรักษ์สายพันธุ์สัตว์ป่าหายากของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และเพื่อช่วยอนุรักษ์พันธุ์ของสัตว์เหล่านี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไปหลายชนิดด้วย
ทั้งนี้ได้ย้ำอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สังคมและผู้คนเข้าใจผิดซึ่งยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ได้มีการตายปริศนาของสัตว์ในพื้นที่ ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ภายใต้การบริหารจัดการตามหลักของธรรมาภิบาล จึงไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิดและผลกระทบที่เป็นความเสียหายในกรณีที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามนายกฤษดา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในโอกาสที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจะเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้นโยบายของรัฐบาลด้านการท่องเที่ยวที่จะเป็นโอกาสสำคัญในการช่วยพัฒนายกระดับมาตรฐานต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางรายได้ให้กับเชียงใหม่และประเทศ ให้คุ้มค่าต่อภาษีของประชาชน
ด้านนางสาวฐิติรัตน์ ต๊ะวันวงค์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนครและผู้อำนวยการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีกล่าวเสริมว่าปี 2566 ที่ผ่านมาเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมกว่า 120 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 60 ล้านบาทมีทิศทางที่ดีกว่าเท่าตัวมีผู้เข้าชมกว่า 300,000 คน ทำให้ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 170 ล้านบาท มีผู้เข้าชมกว่า 7 แสนคนซึ่งคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงหลังจากที่มีความชัดเจนด้านการบริหารจัดการองค์กรกลับมาเป็นองค์การมหาชนอีกครั้งตามมติคณะรัฐมนตรีล่าสุด
ทั้งนี้มีรายงานว่า ข่าวที่เกิดขึ้นได้สร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ทางฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาเรื่องผลความเสียหายที่อาจจะต้องมีการปกป้องชื่อเสียงขององค์กรกับข่าวที่เป็นเท็จที่ถูกนำไปนำเสนอทำให้เกิดความเข้าใจผิดในครั้งนี้ด้วย
เขียนเมื่อ 15 มกราคม 2567 16:14:01 น. (view: 10336)