เชียงใหม่ สรุปผลการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันฯ ปี 2567 พบ ทำได้ดีกว่าปีที่ผ่านมาในทุกด้าน แต่ยังไม่ได้ตามเป้าทั้งหมด เร่งเดินหน้าถอดบทเรียน และเตรียมวางแผนระยะ 5 ปี เน้นแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

.

วานนี้ (29 พ.ค. 67) ที่ ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่  นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

.

โดยในวันนี้เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของคณะทำงานฯ ซึ่งที่ประชุมได้มีการสรุปผลของการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ประจำปี 2567 พบว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 28 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่ พบจุดความร้อน (Hotspot) สะสมรวมทั้งสิ้น 8,629 จุด ลดลงจากปีก่อนในห้วงเวลาเดียวกัน 4,457 จุด คิดเป็นร้อยละ 34  แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ร้อยละ 50  ส่วนพื้นที่เผาไหม้มี จำนวน 512,769 ไร่  ในขณะที่ปี 2566 มีพื้นที่เผาไหม้เกิดขึ้นกว่า 1,168,624 จุด ซึ่งในส่วนนี้ถือว่าลดลงอย่างมากและทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้  โดยสถานการณ์จุดความร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) ก็ลดจากปี 2566 ร้อยละ 5 ในห้วงเวลาเดียวกัน ซึ่งสาเหตุกว่าร้อยละ 79 เกิดจากการเผาเพื่อเก็บหาของป่า ทั้งนี้ เป็นผลจากความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน การบริหารจัดการเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพ และความรวดเร็วในการเข้าควบคุมไฟได้อย่างทันที  ขณะที่ค่าคุณภาพอากาศ พบว่ามีค่าเกินค่ามาตรฐานรวม 87 วัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 24  แต่ยังเกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 30 วัน  ส่วนด้านการแพทย์และสาธารณสุข พบว่า มีจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่เข้าตรวจรักษาจำนวน 8,419 ครั้ง ลดลงจากปีก่อน 8,871 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 76  ซึ่งทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้  นอกจากนี้ ยังมีการติดตามเยี่ยมบ้าน ดูแลสุขภาพ และแจกหน้ากากอนามัยให้กลุ่มเสี่ยง กลุ่มป่วยในชุมชน ด้วยทีม 3 หมอ จำนวน 56,552 ราย แจกหน้ากากทั้งสิ้น  642,702 ชิ้น และได้จัดทำห้องลดฝุ่นจำนวน 1,838 แห่ง

.

โอกาสนี้ นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่า ปีนี้มีทั้งสถานการณ์ Climate Change และสถานการณ์เอลนีโญ่ ทำให้เกิดฝนน้อยและมีอากาศที่ร้อนมากกว่าในปีที่ผ่านมา  อีกทั้งจังหวัดเชียงใหม่ยังเป็นพื้นที่มากที่สุดในประเทศ และพื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นภูเขาถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก แต่ด้วยความร่วมมือของภาคีเครือข่ายที่ได้ทำงานร่วมกัน ทำให้ผลการทำงานในปีนี้ ดีขึ้นกว่าปี 2566 ในหลายๆตัวชี้วัด  ส่วนหลังจากนี้ได้ขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันถอดบทเรียน และทุกข้อเสนอแนะทุกคำติชมของพี่น้องประชาชนจะนำมาขับเคลื่อนและทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม  โดยในปีถัดไปจะเป็นการวางแผน 5 ปีล่วงหน้า เพื่อที่จะกำหนดเป้าหมาย ทิศทาง งบประมาณ และรายละเอียดของแผนงานโครงการ และจะใช้นวัตกรรมการ ใช้งานวิจัยการใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมการปฏิบัติงาน  เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น โดยจะไม่รอให้ฝุ่นมา ไม่เน้นช่วงการดับไฟอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับมิติการป้องกันและมิติด้านความยั่งยืน ซึ่งจะต้องลงรายละเอียดให้ลึกและวางแผนระยะยาวเพื่อให้ก้าวข้ามปัญหานี้ไปให้ได้