News & Activity
ข่าวและกิจกรรม
ผบ.นบ.ยส.35 แถลงสรุปผลกวาดล้างยาเสพติดไตรมาสแรก พบยาบ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 และไอซ์เพิ่มขึ้นพุ่งเกินกว่าร้อยละ 200 และเคมีภัณฑ์ที่สกัดเป็นสารตั้งต้นชนิดใหม่ 10 กว่าชนิด ที่ต้องเร่งควบคุมในไทย เตรียมคุมเข้มช่วงเทศกาลปีใหม่
ผบ.นบ.ยส.35 แถลงสรุปผลกวาดล้างยาเสพติดไตรมาสแรก พบยาบ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 และไอซ์เพิ่มขึ้นพุ่งเกินกว่าร้อยละ 200 และเคมีภัณฑ์ที่สกัดเป็นสารตั้งต้นชนิดใหม่ 10 กว่าชนิด ที่ต้องเร่งควบคุมในไทย เตรียมคุมเข้มช่วงเทศกาลปีใหม่
วันที่ 25 ธ.ค. 67 เวลา 10.30 น. ที่หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35) ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พล.ท.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน ผบ.นบ.ยส.35 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทิวาพงษ์ พลูโต ผกก.2 บก.ปส.3, พ.อ.ชาญชัยวัฒน์ เปล่งสันเทียะ เลขาธิการ กอ.รมน.ภาค 3 สย.2 และนางสาวสุกันยา ใหญ่วงศ์ ผอ.ส่วนประสานพื้นที่ ปปส.ภาค 5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดยาบ้า จำนวน 5,900,000 เม็ด ในพื้นที่บ้านราษฎร์ภักดี ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย และสรุปผลการปฏิบัติงานของ นบ.ยส.35 ไตรมาสที่ 1 (ต.ค. - ธ.ค. 67)
พล.ท.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน ผบ.นบ.ยส.35 กล่าวว่า จากการบูรณาการด้านการข่าวระหว่าง นบ.ยส.35 ร่วมกับ บช.ปส. ได้ติดตามความเคลื่อนไหว ของกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ในพื้นที่ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย โดยปรากฏข่าวว่าในห้วง วันที่ 20 – 25 ธ.ค.67 กลุ่มเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ อ.เวียงแก่นฯ จะทำการส่งมอบาเสพติดให้ กลุ่มขบวนการฯจากภาคกลาง เพื่อลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในโดยใช้เส้นทาง ภูชี้ฟ้า - บ้านราษฎร์ภักดี ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ต่อมาเมื่อ วันที่ 21 ธ.ค. 67 เวลา 21.00 น. นบ.ยส.35 จึงได้ใช้กำลังติดตามค้นหารถเป้าหมาย กระทั่งลาดตระเวนมาถึงบริเวณบ้านราษฎร์ภักดี ถนนสายภูชี้ฟ้า ได้ตรวจพบกระสอบต้องสงสัยถูกทิ้งกองไว้บริเวณข้างทาง จำนวน 20 กระสอบ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบพบว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวนทั้งสิ้น 5,900,000 เม็ด ประทับตรา 999 สีน้ำเงิน บนหีบห่อ จึงได้ยึดของกลางทั้งหมดและส่งมอบให้ สภ.เทิง เพื่อดำเนินคดีต่อไป ขณะเดียวกันยังพบว่า ลักษณะของการลักลอบลำเลียง หีบห่อและตราสัญลักษณ์คล้ายกับที่มีการตรวจยึดได้ที่ จ.ตาก เมื่อเดือนที่ผ่านมา จำนวน 12 ล้านเม็ด เพียงแต่สีหีบห่อจะต่างกันเท่านั้น
พล.ท.กิตติพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าสถานการณ์ยาเสพติดที่เพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดดเกิดจาก ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีการต่อสู้กัน ประกอบกับการปราบปรามของเจ้าหน้าที่ทั้งการตรวจจับ การปะทะกับขบวนการลักลอบขนยาเสพติด การตรวจยึดยาเสพติด การยึดทรัพย์ และยังมียาเสพติดที่รอทะลักอยู่ตามแนวชายแดนกว่า 37 ล้านเม็ด ซึ่งบางส่วนได้ลักลอบเข้ามาบ้างแล้ว เมื่อมีการถูกยึด ถูกจับกุม ก็ต้องมีการส่งยาเสพติดเข้ามาเพิ่มเพื่อทดแทนส่วนที่หายไป ดังนั้น ในห้วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวนั้น ทาง นบ.ยส.35 ซึ่งได้บูรณาการทุกภาคส่วนทั้งตำรวจ ปปส. ฝ่ายปกครอง ในการออกหาข่าวเชิงลึก การสนับสนุนเทคโนโลยีจาก ปปส. เข้ามาเสริมในการตรวจจับ การตั้งจุดสกัดกั้นเพิ่มมากขึ้น การลาดตระเวนที่เข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งในเรื่องของด้านโลจิสติกส์ การเดินทางของสถานีขนส่งรถโดยสาร บริษัทรับส่งพัสดุ ก็จะมีการเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้น และยังมีรายชื่อรีสอร์ท รายชื่อรถต้องสงสัย กลุ่มขบวนการต่างๆ ไว้อยู่แล้ว หากพบว่ามีรถต้องสงสัยเข้าไปพักในรีสอร์ทหรือตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่เป้าหมาย ทางเจ้าหน้าที่ก็จะทำการจับตาดูเป็นกรณีพิเศษ หากพบพฤติกรรมต้องสงสัยก็จะเข้าทำการตรวจสอบและจับกุมทันที และตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ยาเสพติดหมดไปในปี 2568 ทาง นบ.ยส.35 ซึ่งบูรณาการกันทุกภาคส่วน ก็ได้ดำเนินการอย่างเข้มงวดในเรื่องนี้ เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้ทะลักเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ
ทั้งนี้ในห้วงตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน นบ.ยส.35 มีผลการสกัดกั้นและปราบปราม ที่สำคัญโดยมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการในพื้นที่ชายแดน 9 ครั้ง จับกุมในพื้นที่ตอนใน 52 ครั้ง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และ ตาก ตามลำดับ สามารถ ตรวจยึด จับกุม ยาบ้า ได้มากกว่า 61 ล้านเม็ดเศษ, ไอซ์ 2.7 ตันเศษ, เฮโรอีน 140 กิโลกรัม, คีตามีน 802 กิโลกรัม และเคมีภัณฑ์กว่า 800 ตัน จากสถิติการจับกุม เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในห้วงเวลาเดียวกันพบว่าตรวจยึด ยาบ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 ส่วน ไอซ์ เพิ่มขึ้นเกินกว่า ร้อยละ 200 และการปราบปรามและขยายผล โดยตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรภาค 6 เป็นหน่วยหลักในการรับผิดชอบการปราบปรามและขยายผลในพื้นที่ภาคเหนือ ในห้วง 3 เดือนที่ผ่านมามี การจับกุมที่สำคัญ จำนวน 27 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 27 ราย ทำลายเครือข่ายยาเสพติด รวม 7 เครือข่าย ยึด/อายัดทรัพย์สินประเภทเงินสด บ้าน ที่ดิน เครื่องประดับและอื่นๆ มูลค่ารวมประมาณ 182,842,587 บาท สามารถสอบสวน
สำหรับเคมีภัณฑ์ที่ทำการยึดได้ถึง 800 ตัน ยังพบว่าเป็นเคมีภัณฑ์ที่พบได้ตามท้องตลาดทั่วไปที่ใช้ในด้านการเกษตรและด้านอุตสาหกรรม ถึง 10 กว่าชนิด ขณะนี้ได้แจ้งไปที่ทางกระทรวงยุติธรรมในเรื่องดังกล่าวแล้ว เพื่อจะได้เพิ่มรายชื่อเคมีภัณฑ์เหล่านี้ให้ทางศุลกากรทำการตรวจสอบได้ ซึ่งเคมีภัณฑ์ชนิดใหม่ที่ถูกนำไปสกัดเป็นสารตั้งต้นของยาเสพติดนั้น ก็ไม่จำเป็นที่จะมาจากประเทศไทย แต่มาจากประเทศเพื่อนบ้านหรือในประเทศอื่นๆ ได้ แต่ในประเทศไทยก็ต้องมีการควบคุมและเพิ่มบัญชีรายชื่อด้วย เพราะเคมีภัณฑ์ดังกล่าว ไม่ได้ผิดกฎหมายและสามารถขนย้ายได้
เขียนเมื่อ 25 ธันวาคม 2567 15:34:42 น. (view: 10610)