News & Activity

ข่าวและกิจกรรม

เครือข่าย TNDR 19 มหาวิทยาลัย จับมือ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วางแผนเชิงรุกค้นหาพื้นที่เสี่ยงภัยเพิ่มเติมจากเหตุการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่ เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีรับมือวิกฤตน้ำท่วมและ PM 2.5 โชว์ศักยภาพรถสำรวจระดับความสูง

เครือข่าย TNDR 19 มหาวิทยาลัย จับมือ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วางแผนเชิงรุกค้นหาพื้นที่เสี่ยงภัยเพิ่มเติมจากเหตุการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่ เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีรับมือวิกฤตน้ำท่วมและ PM 2.5 โชว์ศักยภาพรถสำรวจระดับความสูงภูมิประเทศ (Mobile Mapping System : MMS) ในการจัดทำ Flood Mark ครอบคลุมพื้นที่น้ำท่วมเชียงใหม่กว่า 3,000 จุด พร้อมสร้างแผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม (Flood map) ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์และวางแผนป้องกันภัยล่วงหน้า

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 เครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย หรือ TNDR จาก 19 มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผนึกกำลังเตรียมรับมือภัยพิบัติในภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาอุทกภัยและฝุ่นละออง PM 2.5 จึงร่วมโชว์ศักยภาพ “การใช้เทคโนโลยีเพื่อวางแผนรับมือน้ำท่วมภาคเหนือและเตรียมความพร้อมเรื่อง PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่” ขึ้น โดยมีการบรรยายเหตุการณ์น้ำท่วม การจัดทำระดับ Flood Mark รับฟังและชมการสำรวจค่าระดับ Flood Mark โดยรถสำรวจระดับความสูงภูมิประเทศ (Mobile Mapping System : MMS) และการเตรียมความพร้อมในการรับมือฝุ่น PM 2.5 ของจังหวัดเชียงใหม่

ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย 19 มหาวิทยาลัย (TNDR) เปิดเผยว่าเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมา ภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่ เชียงราย ต้องประสบกับวิกฤตน้ำท่วมอย่างรุนแรงและ ขยายเป็นวงกว้าง การมีข้อมูลคาดการณ์ภัยพิบัติล่วงหน้าที่แม่นยำจะช่วยลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ดังนั้น เครือข่าย 19 มหาวิทยาลัยด้านภัยพิบัติ จึงได้ร่วมกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงรับมือน้ำท่วม ได้แก่ แผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม (Flood map) และ เครื่องหมายระดับคราบน้ำท่วม (Flood Mark) ครอบคลุมพื้นที่น้ำท่วม เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเตือนภัยและวางแผนป้องกันภัยล่วงหน้าสำหรับพี่น้องประชาชนทางภาคเหนือ

“การสร้างแผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมความละเอียดสูง จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการคาดการณ์เหตุน้ำท่วมในอนาคต เราสามารถดูได้ว่าน้ำจะท่วมถึงพื้นที่ไหน ระดับน้ำเป็นเท่าไร เห็นความรุนแรงและผลกระทบต่อชุมชนชัดเจน ซึ่งภาครัฐสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวางแผนรับมือภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เครือข่าย TNDR หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ให้เกิดการทำงานที่ประสานกันในเชิงรุก เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ” ดร.พิจิตต กล่าว

รศ. ชูโชค อายุพงศ์ หัวหน้าศูนย์วิชาการสนับสนุนด้านการบริหารจัดการน้ำ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึง เหตุการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมและต้นเดือนพฤศจิกายน ปี 2567 ที่ผ่านมา เป็นบทเรียนสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ที่เล็งเห็นว่าระบบเตือนภัยน้ำท่วมสำหรับพื้นที่เสี่ยงสูง ต้องเริ่มมาจากข้อมูลที่ถูกต้อง นำไปสู่การพยากรณ์น้ำล่วงหน้าที่แม่นยำและมีเวลามากพอสำหรับการเตรียมการล่วงหน้า และหากสามารถสร้างให้ประชาชนตระหนักถึงความลึกของระดับน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้นในบริเวณต่างๆ ซึ่งใช้งบประมาณและเวลาไม่มาก และทำได้ครอบคลุมพื้นที่น้ำท่วมที่เกิดขึ้น จะทำให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์ พร้อมที่จะขนย้ายสิ่งของและอพยพได้อย่างทันท่วงที

สำหรับพื้นที่เขตเมืองจังหวัดเชียงใหม่นั้น เดิมได้มีการจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมและหลักระดับน้ำท่วมมาตั้งแต่ ปี 2555 โดยใช้เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 ซึ่งระดับน้ำปิงที่สถานี P.1 = 4.60 เมตร มาเป็นฐานคิด ซึ่งสามารถใช้สนับสนุนระบบเตือนภัยน้ำท่วมล่วงหน้าให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้เป็นอย่างดีตลอดมา แต่เนื่องจากเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ โดยในครั้งนี้ระดับน้ำปิง ที่ สถานี P.1 = 5.30 เมตร มากกว่าทุกครั้ง ทำให้พื้นที่น้ำท่วมได้แผ่ออกไปมากกว่าเดิม รวมทั้งระดับความสูงของน้ำท่วมก็เพิ่มขึ้น

ด้วยเหตุนี้ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้ร่วมกับ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. จัดทำระบบสารสนเทศของเครื่องหมายระดับคราบน้ำท่วม (Flood Mark) จำนวนมากกว่า 3,000 จุด แสดงค่าความสูง ของระดับน้ำที่จะท่วมแต่ละพื้นที่ ติดตั้งกระจายทั่วพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ โดยแสดงระดับน้ำท่วมสูงสุดวัดจากผิวถนน เปรียบเทียบกับค่าระดับน้ำที่สถานี P.1 เชิงสะพานนวรัฐ ซึ่งเกิดน้ำท่วมใหญ่ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 โดยแสดงผลผ่านเว็บไซต์ “เครื่องหมายระดับน้ำท่วมเขต ตัวเมืองเชียงใหม่ ปี 2567 : CM Flood Mark 2024 (https://watercenter.scmc.cmu.ac.th/cmflood/flood24)” เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานได้ใช้ในเตรียมการรับมือน้ำท่วม

ดร.สุทัศน์ วีสกุล ที่ปรึกษาสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. เปิดเผยว่า สสน. ได้สนับสนุนเทคโนโลยีสำรวจระดับความสูงภูมิประเทศ (Mobile Mapping System : MMS) ที่ใช้ในการสำรวจระดับน้ำท่วมที่เกิดขึ้นใน 5 จังหวัดภาคเหนือแล้ว ประกอบไปด้วยจังหวัดแพร่ น่าน พะเยา ลำพูน และเชียงใหม่ เพื่อช่วยทำให้เครื่องหมายระดับคราบน้ำท่วม (Flood Mark) ปรับไปสู่รูปแบบความสูงที่อ้างอิงกับระดับน้ำทะเล สามารถนำไปใช้ในการบริหารจัดการน้ำร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ และเมื่อเกิดฝนตกหนักและเสี่ยงน้ำท่วมขึ้นมาในอนาคตข้อมูลชุดนี้จะถูกวิเคราะห์ร่วมกับแบบจำลองทางด้านอุทกวิทยา เพื่อสร้างแผนที่น้ำท่วมที่แสดงระดับความสูงของน้ำที่เข้าท่วมพื้นที่ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์และวางแผนป้องกันภัยล่วงหน้าในระดับพื้นที่ได้ต่อไป

"การพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการตัดสินใจเกี่ยวกับภัยพิบัติมีความแม่นยำและครอบคลุมทุกมิติ ผลการสำรวจค่าระดับคราบน้ำท่วม (Flood Mark) สามารถใช้วิเคราะห์ทิศทางการไหลในพื้นที่น้ำท่วมถึง (Flood Plain) และเตือนภัยชุมชนที่ไม่คิดว่าจะประสบภัยได้ตระหนักถึงภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น ช่วยลดผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ (Spatial Data Base) ของประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เราวางแผนการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต" ดร.สุทัศน์ กล่าว

ด้าน ดร.รอยบุญ รัศมีเทศ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. ได้กล่าวถึงปัญหาของภาคเหนือที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ฝุ่น PM 2.5 สสน. จึงได้ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจวัด PM 2.5 ในสถานีโทรมาตร ให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ที่จะสามารถทำให้ติดตามสถานการณ์ฝุ่นที่อาจเกิดขึ้นจากไฟป่าจากพื้นที่ป่าต้นน้ำได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และสนับสนุนการขับเคลื่อนงานวิจัยภายใต้เครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อ ภัยพิบัติไทย หรือ TNDR (Thai Network for Disaster Resilience) ข้อมูลจากเทคโนโลยีนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเตรียมพร้อมและแก้ไขปัญหา PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะในเขตพื้นที่ป่าต้นน้ำที่จะช่วยให้ควบคุมไฟป่าได้ตรงจุดมากขึ้น และมหาวิทยาลัยในพื้นที่ภาคเหนือนำไปใช้ในการวางแผนฟื้นฟูและปรับปรุงมาตรการป้องกันในอนาคต “ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นให้เกิดการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนและพร้อมรับมือภัยพิบัติได้อย่างยั่งยืน” ดร.รอยบุญ กล่าว

 

เขียนเมื่อ 13 มกราคม 2568 17:32:13 น. (view: 10986)

รูปภาพ-เอกสารประกอบ




FM100 CMU Logo
สถานีวิทยุเสียงสื่อสารมวลชน คณะการสื่อสารมวลชน

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 239 ถ.ห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ 50200

Call us

On air : 053-942711-2
Office : 053-942710

Email & Fax

EMAIL : fm100@cmu.ac.th
          fm100cmu@yahoo.com

LINE :  FM100CMU 

 

ช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน ความคิดเห็นจากสาธารณะเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถานีวิทยุเสียงสื่อสารมวลชน
https://forms.gle/e4E3rYTnv3LvxcxN8

ติดตาม FM100 ได้ทุกช่องทาง

รับฟังรายการสดได้ทาง