3 กุมภาพันธ์ 2568-  สถานีวิทยุเสียงสื่อสารมวลชน (FM100 MHz) คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จากการเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 22-30 มกราคม 2568 ที่ผ่านมาพบว่าประชาชนให้ความสนใจต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างมาก 

ผลสำรวจระบุว่า ประชาชนเชียงใหม่ ร้อยละ 56.9 แสดงความสนใจติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ขณะที่ ร้อยละ 34.9 สนใจพอสมควร และมีเพียงร้อยละ 1.8 เท่านั้นที่ไม่สนใจเลย ด้านแนวโน้มการใช้สิทธิเลือกตั้ง พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 88.4 ตั้งใจออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง  ขณะที่ร้อยละ 12.8 ยังไม่แน่ใจ และมีเพียงร้อยละ 2.8 ที่ระบุว่าจะไม่ไปใช้สิทธิ์ 

สำหรับเหตุผลที่ตัดสินใจออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งตอบได้มากกว่า 1ข้อ พบว่า ร้อยละ 79.2 เชื่อว่าการเลือกตั้งจะช่วยพัฒนาท้องถิ่น รองลงมาร้อยละ 62.3 ต้องการใช้สิทธิ์ในฐานะพลเมือง ร้อยละ 39.6 ต้องการเปลี่ยนแปลงการบริหาร และร้อยละ 31.1 ต้องการสนับสนุนผู้สมัครที่ชื่นชอบ

ในส่วนของเหตุผลที่ไม่ไปใช้สิทธิ์หรือยังลังเล ครึ่งต่อครึ่ง คือร้อยละ 50 ระบุว่าไม่มีผู้สมัครที่ตรงกับความต้องการ และอีกร้อยละ 50 ติดภารกิจในวันเลือกตั้ง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของผู้สมัครในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

นอกจากนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางการตัดสินใจเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พบว่ากว่าร้อยละ 53.2 ต้องการเลือกผู้สมัครหน้าใหม่ ขณะที่มีเพียงร้อยละ 17.4 ที่ยังสนับสนุนผู้สมัครคนเดิม ส่วนผู้ที่ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่ ร้อยละ 24.8 และร้อยละ 4.6 ระบุว่าจะไม่เลือกใคร  ซึ่งไม่สอดคล้องกับผลการเลือกตั้งนายก อบจ.เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2568 ที่ผ่านมา ที่ผู้สมัครรายเดิมจากพรรคเพื่อไทยคว้าชัยชนะและครองตำแหน่งนายก อบจ. เชียงใหม่ได้อีกครั้ง ผลการเลือกตั้งอาจสะท้อนถึงปัจจัยเพิ่มเติมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในวันเลือกตั้งจริง เช่น การตัดสินใจของผู้ที่ลังเลในช่วงท้ายก่อนวันเลือกตั้ง หรือความไว้วางใจของประชาชนส่วนใหญ่ที่ยังคงเชื่อมั่นในพรรคเดิม เป็นต้น

เมื่อถามถึงความคาดหวังต่อการพัฒนาท้องถิ่นในอนาคต ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้มีการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและอากาศสะอาดมากที่สุดถึง ร้อยละ 82.6 รองลงมาคือการพัฒนาสาธารณูปโภค เช่น ระบบน้ำและไฟฟ้า ร้อยละ 72.5 รวมถึงการจัดการขยะและพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ร้อยละ 63.3  นอกจากนี้ยังมีความคาดหวังต่อการพัฒนาการศึกษาและเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย 

ในด้านของพรรคการเมืองที่มีความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาท้องถิ่น พบว่าพรรคประชาชนได้รับการสนับสนุนมากที่สุดที่ร้อยละ 65.1 ตามมาด้วยพรรคเพื่อไทยร้อยละ 22% และพรรคอิสระ ร้อยละ 8.3  

ผลสำรวจยังสะท้อนว่าประชาชนกว่าร้อยละ 91.7 เห็นว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาระดับประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความตระหนักของประชาชนต่อบทบาทของการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นที่ส่งผลถึงภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งหน้า

ในส่วนของความเห็นเพิ่มเติมท้ายแบบสำรวจ ประชาชนชาวเชียงใหม่ส่วนหนึ่งตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งในวันเสาร์โดยไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า หรือการจัดการเลือกตั้งนอกเขต ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจจะส่งผลกับเหตุผลที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิ์ รวมทั้งอาจจะส่งกับผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2568 ที่ผ่านมา