.

วันนี้ (6 ก.พ. 68) ที่ ห้องปฏิบัติการ ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง จังหวัดเชียงใหม่ ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 6 โดยมี นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ อาทิ อบจ.เชียงใหม่ สนง.พื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สน.จัดการป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ ท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ แขวงทางหลวงเชียงใหม่ ปกครองจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง เกษตรและสหกรณ์ ทสจ.สนง. สคพ.1  อุตุฯ สสจ. เป็นต้น 

.

คณะกรรมการฯ ได้รายงานผลการปฏิบัติในรอบสัปดาห์ จากข้อสั่งการต่าง ๆ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมในการดับไฟของเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า การป้องกันและระงับอัคคีภัยบริเวณจุดโม่ข้าวโพด บ่อขยะ และริมทางหลวง การบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และการปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ

.

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้รายงานการอบรมเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครจากไฟป่า โดยมีการอบรมการเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่สำหรับดับไฟป่าไปแล้ว 2 รุ่น และมีการตั้งจุดเฝ้าระวังไปแล้ว 535 จุด เจ้าหน้าที่ 1,605 คน อีก 35 จุด (ขสป.เชียงดาว 20 จุด ,อช,ดอยผ้าห่มปก 15 จุด) จะดำเนินการในเดือนมีนาคม เพื่อความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ สำหรับกิจกรรมของจุดเฝ้าระวังไฟป่าจะมี การลาดตระเวนป้องกันไฟ การแจ้งเหตุพบไฟป่า การประชาสัมพันธ์ด้านการป้องกันไฟป่า ลงทะเบียนคนเข้า-ออกพื้นที่ป่า และมีการระงับเหตุไฟป่าเบื้องต้น

.

ทางด้านสำนักงานควบคุมมลพิษพื้นที่ 1 เชียงใหม่ได้รายงานภาพถ่ายดาวเทียม Gistda ไม่พบจุดความร้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ สภาพอากาศอยู่ในระดับ “ดี ถึง เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ”ค่า PM 2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 29.6-42.0 มคก./ลบ.ม. สาเหตุจากลมใต้ได้พัดพาฝุ่นจากโซนใต้เข้ามา แนวโน้มสภาพอากาศ จะมีฝนเล็กน้อย อีก 2 วันข้างหน้า มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาปกคลุมมีกำลังอ่อนลง ลมเริ่มเปลี่ยนทิศทาง มีลมทิศใต้ ตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุม มีหมอกบางพื้นที่ อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น กลางวันอากาศร้อนขึ้น ในระยะนี้ทิศทางลมมีความแปรปรวน ประกอบกับอัตราการระบายอากาศที่สูงไม่มากนัก อากาศเริ่มนิ่ง/จมตัว ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองเกินเกณฑ์มาตรฐานบางพื้นที่ วันนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีจุดความร้อน 4 จุด ได้แก่ อำเภอฮอด 3 จุด อำเภอเวียงแหง 1 จุด ซึ่งสถิติเปรียบเทียบจุดความร้อนจังหวัดเชียงใหม่ ของค่าเฉลี่ย 5 ปี (ปี 63 - 67) และ ปี 2568 ระว่างวันที่ 1 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ Hotspot ลดลงจากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ในห้วงเวลาเดียวกัน ลดลง 94% 

.

นายรังสรรค์ บุศย์เมือง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ รายงานว่า เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่ 2  ธ.ค. 2567 โดยใช้เครื่องบินกรมฝนหลวง และการบินเกษตร ชนิด CASA จำนวน 3 ลำ CN 1 ลำ เครื่องบิน ชนิด Super king air จำนวน 2 ลำ CARAVAN จำนวน 3 ลำ โดยใช้ 3 เทคนิค ได้แก่ การลดอุณหภูมิชั้นบรรยากาศผกผันด้วยการโปรยน้ำ/น้ำเย็น/น้ำแข็งแห้ง  เทคนิคก่อเมฆเพื่อดูดซับ และระบายฝุ่น และเทคนิคเลี้ยงเมฆให้อ้วนเพื่อดูดซับฝุ่นละออง โดยในวันนี้ หน่วยฯเชียงใหม่ ได้เริ่มปฏิบัติการช่วงเช้า บริเวณบ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ด้วย เครื่องบิน CN2221 แบบวนก้นหอย สนามบินเชียงใหม่ ที่ความสูง 8500 ฟุต โดยการประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ที่มีความชื้นต่ำ เพื่อให้เกิดฝนตกหนัก-ปานกลางเท่านั้น ป้องกันฝุ่นที่จะเกิดจากฝนที่ตกน้อย โดยเริ่มประจำการ ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป 

.

ขณะที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานถึงการยกระดับการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกประกาศสำคัญ เรื่อง มาตรการบริหารการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยกำหนดให้มี “มาตรการห้ามเผาในพื้นที่การเกษตรทุกกรณี” ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2568 – 31 พฤษภาคม 2568 หากมีการเผาในพื้นที่ของเกษตรกร จะถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการ หรือกิจกรรมของรัฐนาน 2 ปี ตั้ง 1 มิถุนายน 2568 - 31 พฤษภาคม 2570 ไม่รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร

.

ขณะที่ นพ.วรัญญู จำนงค์ ประสาทพร นายแพทย์สาธารณะสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ที่จะกระทบทางสุขภาพที่เกิดทันทีทันใด แต่อาการมักไม่รุนแรง เช่น แสบตา คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม ส่วนผลกระทบที่รุนแรง เช่นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือดมักเกิดขึ้นหลังจากสัมผัสฝุ่นเป็นระยะเวลานานเป็นสัปดาห์เดือน หรือเป็นปีไม่ได้เกิดขึ้นทันทีโดยเฉียบพลัน  โดยในระยะนี้กลุ่มเปราะบาง เด็ก ผู้สูงอายุ จึงควรเฝ้าระวังและป้องกันตนเอง โดยในระยะนี้ เน้นให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่รณรงค์เพื่อป้องกันตนเอง เนื่องจากฝุ่นหนาแน่นและการถ่ายเทอากาศไม่ค่อยดีในช่วงกลางคืนจึงควรทำห้องสะอาดหรือห้องปลอดฝุ่นที่บ้าน ในชุมชน โดยส่วนราชการต่างๆ ควรจัดหาเครื่องกรองอากาศ หรือจัดเตรียมพื้นที่ปลอดฝุ่นไว้คอยบริการ  และฝากข้อห่วงใยถึงเจ้าที่หน้าดับไฟป่าที่ลงพื้นที่ให้ป้องกันตนเองในขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยด้วย

.

รองผู้ว่าฯราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เน้นย้ำให้พื้นที่เสี่ยงในแต่ละอำเภอ ให้เฝ้าระวัง “รู้ไว ดับเร็ว” ให้คำนึงถึงความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติในการออกปฏิบัติงานเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ ทุกพื้นที่ ทุกหน่วยซักซ้อม และพร้อมเผชิญสถานการณ์ การสื่อสารใช้ค่ามาตรฐานของกรมอุตุ ให้วิเคราะห์สถานการณ์ แจ้งเตือนประชาชนล่วง หน้า ให้ทุกหน่วยสื่อสารที่ประชาชนเข้าใจง่าย  ผ่านศูนย์ประชาสัมพันธ์ร่วม JIC เพื่อสื่อสารให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ และสร้างความตระหนักและร่วมมือกัน



//////////////////////////////////////////////////////////

.

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่

6 กุมภาพันธ์ 2568