News & Activity

ข่าวและกิจกรรม

แบงก์ชาติเหนือแถลงภาวะเศรษฐกิจไตรมาสแรกและคาดการณ์ไตรมาส 2 ปี’68 ความผันผวนเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ เป็นปัจจัยท้าทายหลักอาจส่งผลต่อการขยายตัวลดลง 

แบงก์ชาติเหนือแถลงภาวะเศรษฐกิจไตรมาสแรกและคาดการณ์ไตรมาส 2 ปี’68 ความผันผวนเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ เป็นปัจจัยท้าทายหลักอาจส่งผลต่อการขยายตัวลดลง 



นางพรวิภา ตั้งเจริญมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโส แถลงข่าว “ภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคเหนือ ไตรมาส 1 ปี 2568” โดยระบุว่าภาพรวมเศรษฐกิจภาคเหนือ ไตรมาส 1 ปี 2568 ขยายตัวชะลอลงจากไตรมาสก่อน ตามการท่องเที่ยวที่ขยายตัวชะลอลงจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง โดยเฉพาะชาวจีน ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยยังขยายตัวตามการจัดกิจกรรมในพื้นที่ การบริโภคขยายตัวได้เล็กน้อยตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น และภาวะหมอกควันที่เบาบางกว่าปีก่อน ทำให้การบริโภคที่เกี่ยวเนื่องกับภาคบริการและสินค้าอุปโภคบริโภคปรับดีขึ้น เช่นเดียวกับ รายได้ภาคเกษตรขยายตัวเล็กน้อยตามปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นของอ้อยโรงงาน ข้าวนาปรัง และมันสำปะหลัง เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยมากกว่าปีก่อน การเบิกจ่ายภาครัฐดีต่อเนื่องทั้งรายจ่ายลงทุน และรายจ่ายประจำ การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเล็กน้อย ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดเครื่องดื่มและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่หมวดอาหารแปรรูปปรับลดลงจากการเร่งผลิตในช่วงก่อน อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนทรงตัวตามการขยายตัวของการนำเข้าสินค้าทุนเพื่อการผลิต ขณะที่การลงทุนก่อสร้างยังหดตัวในกลุ่มที่อยู่อาศัย ภาคอสังหาริมทรัพย์หดตัวมากขึ้นหลังการเร่งซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงก่อนหน้า ด้านการจ้างงานทรงตัว โดยการจ้างงานภาครัฐและภาคการผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่การจ้างงานภาคท่องเที่ยวชะลอลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน ตามราคาหมวดพลังงานและเงินเฟ้อพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น



แนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส 2 ปี 2568 คาดว่าทรงตัวจากไตรมาสก่อน ภาคท่องเที่ยวคาดว่าขยายตัวเล็กน้อยจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐและเอกชน รวมทั้ง การเบิกจ่ายภาครัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากงบประมาณปี 2568 เบิกจ่ายได้ปกติ และงบผูกพันปี 2567 ทยอยส่งมอบ รายได้เกษตรคาดว่าขยายตัวต่อเนื่องตามปริมาณผลผลิตพืช โดยเฉพาะข้าวนาปรังที่เพิ่มขึ้น ส่วนด้านราคายังหดตัวต่อเนื่อง ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมคาดว่าทรงตัวตามแรงกดดันด้านนโยบายการค้าของประเทศคู่ค้าต่อการผลิตและส่งออก เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าทรงตัวตามการลงทุนหมวดก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าหดตัวเล็กน้อยตามกำลังซื้อที่เปราะบางมากขึ้น



นอกจากนี้ ธปท. สภน. ประชาสัมพันธ์มาตรการทางการเงิน และมาตรฐานของภาคธนาคารในการร่วมรับผิดชอบตาม พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ดังนี้

1. การขยายเวลาเข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เนื่องจากยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่เผชิญกับปัญหาในการชำระหนี้ และมีลูกหนี้ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง กระทรวงการคลัง สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธปท. ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจ Non-bank จึงเห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2568

2. มาตรฐานของภาคธนาคารในการร่วมรับผิดชอบตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉบับที่ 2 (พ.ร.ก.ฯ) ธปท. สนับสนุนหลักการของ พ.ร.ก.ฯ ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2568 ซึ่งประเด็นสำคัญของ พ.ร.ก.ฯ คือ การกำหนดให้สถาบันการเงิน (ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ) ผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงิน ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ยกระดับการดูแลลูกค้าและมีส่วนร่วมรับผิดชอบในความเสียหายหากละเลยการปฏิบัติตามมาตรฐานที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดจนเป็นเหตุให้ลูกค้าเกิดความเสียหาย

ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ธปท. จะออกประกาศเพื่อกำหนดมาตรฐานสำหรับสถาบันการเงิน และ

ผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินที่ได้รับใบอนุญาต ประเภทการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมในประเด็น ดังนี้ 1) การป้องกันการสวมรอยเปิดบัญชีและการสวมรอยใช้งาน mobile banking 2) การจำกัดความเสียหายและจัดการบัญชีม้า และ 3) กระบวนการรับแจ้งเหตุภัยทุจริตดิจิทัลที่รวดเร็ว



ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาภัยทุจริตทางการเงินอย่างยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่จะต้องรับผิดชอบ

ในส่วนของตนเอง ถึงแม้ พ.ร.ก.ฯ จะระบุให้ผู้ให้บริการต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบหากไม่ทำตามมาตรฐานที่ผู้กำกับดูแลกำหนด 

ธปท. ขอเน้นย้ำให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังในการใช้บริการทางการเงิน เช่น ไม่กดลิงก์ที่ไม่รู้จัก ระวังการรับสายแอบอ้าง และตรวจสอบการทำธุรกรรมให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้ตกเป็นผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รายละเอียดเพิ่มเติม ธปท. กำหนดมาตรฐานของภาคธนาคารในการร่วมรับผิดชอบตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี )

3. การผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (เกณฑ์ LTV) เป็นการชั่วคราว สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 เพื่อช่วยประคับประคองภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยบรรเทาปัญหาอุปทานคงค้างที่อยู่ในระดับสูงได้บ้าง จึงอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้จำกัด โดยกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันเป็นร้อยละ 100 สำหรับสินเชื่อเพื่อ

ที่อยู่อาศัย ทั้งกรณี (1) มูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป และ (2) มูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 1 เป็นต้นไป

เขียนเมื่อ 06 พฤษภาคม 2568 15:12:31 น. (view: 12164)

รูปภาพ-เอกสารประกอบ




FM100 CMU Logo
สถานีวิทยุเสียงสื่อสารมวลชน คณะการสื่อสารมวลชน

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 239 ถ.ห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ 50200

Call us

On air : 053-942711-2
Office : 053-942710

Email & Fax

EMAIL : fm100@cmu.ac.th
          fm100cmu@yahoo.com

LINE :  FM100CMU 

 

ช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน ความคิดเห็นจากสาธารณะเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถานีวิทยุเสียงสื่อสารมวลชน
https://forms.gle/e4E3rYTnv3LvxcxN8

ติดตาม FM100 ได้ทุกช่องทาง

รับฟังรายการสดได้ทาง