ในการประชุมกองบัญชาการควบคุมไฟป่าหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ผ่านระบบเทเลคอนเฟอเรนซ์ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายเจริญฤทธิ์  สงวนสัตย์  ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นหัวหน้าคณะประชุม 

ทั้งนี้ข้อมูลจากระบบจิสด้า 

5 วันย้อนหลังพบว่า  9 จังหวัดภาคเหนือ มีจุด Hotspot ลดลงอย่างต่อเนื่อง หมอกควันลดลง  ท้องฟ้าเริ่มโปร่งขึ้น Hotspot สะสมน้อยกว่าปีที่แล้วทุกจังหวัด ยกเว้น จังหวัดเชียงใหม่และตาก ซึ่งมากกว่าปีที่แล้ว ขณะที่ยอดสะสมรวมน้อยกว่าปีที่แล้ว

ทั้งนี้ศูนย์อุตุนิมวิทยาภาคเหนือ รายงานสภาพอากาศระหว่างวันที่

24-26 เมษายน 2563  มีลมปานกลางถึงแรง  อากาศดีต่อเนื่องทั้งสัปดาห์

ขณะที่กรมควบคุมมลพิษรายงาน ปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 เทียบระยะ 2 ปี มากกว่าปีที่ผ่านมา

ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่นั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเกิดจุด Hotspot กว่า 2 หมื่นจุด ร้อยละ 95 เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ พื้นที่ที่เกิดมากที่สุด 3 อำเภอคืออำเภอเชียงดาว แม่แจ่มและฮอด โดยปีนี้มีการดำเนินคดีผู้บุกรุกเผาป่ากว่าพันรายและจับกุมได้ 48 ราย 

อย่างไรก็ตาม จังหวัดเชียงใหม่วางมาตรการป้องกันการเผาหลังสิ้นสุดการห้ามเผา 30 เมษายนนี้ โดยเน้นไม่ให้มีการเผาเพียงอย่างเดียวและเน้นการทำปุ๋ยหมักมีการวางแผนจัดการการเผา 3 ระยะคือ 1-15 พฤษภาคมในพื้นที่ 9 ประกอบด้วยอำเภอแม่แจ่ม  อำเภอกัลยาณิวัฒนา อำเภอสะเมิง อำเภอแม่ริม อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอดอยหล่อ  อำเภอแม่วาง  อำเภอจอมทอง  อำเภอฮอด อำเภออมก๋อย อำเภอแม่อาย อำเภอฝาง อ.เชียงดาว อ.เวียงแหง  หลังจากนั้น 15 ถึง 30 พฤษภาคม 5 อำเภอ ประกอบด้วยอำเภอหางดงอำเภอสันป่าตองอำเภอดอยเต่าอำเภอไชยปราการอำเภอแม่แตงอำเภอพร้าว โดยมี 5 อำเภอที่ไม่เผาประกอบด้วยอำเภอเมือง  อำเภอสันทราย  อำเภอสารภี  อำเภอสันกำแพงและอำเภอแม่ออนซึ่งทั้ง 5 อำเภอนี้จะใช้วิธีทำปุ๋ยหมักแทน

ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่จะออกมาตรการควบคุมพื้นที่เผา โดยกำนัน ผู้ใหญ่บ้านต้องประสานไปยังฝ่ายปกครอง โดยมีนายอำเภอเป็นผู้กำหนดพื้นที่เผา

สำหรับสถิติ  ตั้งแต่ 1 มกราคมถึง  เมษายน 2563 จังหวัดเชียงใหม่มีจุด Hot Spot รวม  21,035 จุด เป็นพื้นที่ป่าสงวน 8,804 จุด ป่าอนุรักษ์ 11,201 จุด ขณะที่มีพื้นที่รอการเผาต้องบริหารจัดการ  174,946 ไร่  ปฏิบัติการที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 4 คนเสียชีวิต 3 คน